เว็บไซต์ข่าว Global Times ของทางการจีนรายงานว่า หลังจากที่ทางเทศบาลเมืองเทียนจินออกมาเปิดเผยตัวเลขเป้าหมายผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2022 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และอีก 31 จังหวัดทั่วประเทศจีนก็ออกมาเปิดเผยเป้า GDP ปีนี้ของแต่ละพื้นที่ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6%
แม้ตัวเลขดังกล่าวจะต่ำกว่าปี 2021 แต่ก็ยังมากพอที่จะแสดงให้เห็นเสถียรภาพและความแข็งแกร่งการบริหารของภาครัฐท่ามกลางปัจจัยกดดันท้าทายต่างๆ มากมาย โดย GDP ของเมืองใหญ่ๆ อย่างกวางตุ้ง, เจียงซู และชานตง ต่างก็มีเป้า GDP ที่มากกว่า 5.5%
ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากเป้าหมาย GDP ท้องถิ่น บวกกับความท้าทายในการพัฒนาเศรษฐกิจปีนี้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งออกมาคาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนมีแนวโน้มจะกำหนดเป้าหมาย GDP ของประเทศจีนไว้ที่ราว 5-5.5% ในวาระการประชุมใหญ่ประจำปีที่จัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง
ทั้งนี้ การประชุมทั้ง 2 ครั้งของปี 2022 ถือเป็นการประชุมประจำปีของจีนในสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ตลอดจนสภานิติบัญญัติระดับสูงสุด และที่ปรึกษาทางการเมืองของประชาชนจีน (CPPCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ปรึกษาทางการเมืองระดับสูง มีกำหนดระหว่างวันที่ 4-5 มีนาคม
ตงเชาเผิง ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของคณะกรรมาธิการหลักทรัพย์จีน กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนเป็นไปตามธรรมชาติและสมเหตุสมผล โดยอิงจากการเติบโตของ GDP โดยเฉลี่ยในช่วงปี 2020-2021 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 5.1%
ในส่วนของภาพรวมเศรษฐกิจจีนในปี 2022 นักวิเคราะห์ประเมินว่า หลังจากที่สามารถขยายตัวได้ถึง 8% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่รวดเร็วที่สุดในรอบเกือบทศวรรษ การเติบโตของจีนปีนี้น่าจะชะลอตัวลงเล็กน้อย โดยเฉลี่ยอยู่ที่ราว 6% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยการเติบโตในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ตงเชาเผิงเตือนให้ระวังปัจจัยท้าทายต่างๆ ที่จะเพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการกลายพันธุ์ของไวรัส กำลังการบริโภคภายในประเทศ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
วันเดียวกัน สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า บริษัท เซมิคอนดักเตอร์ แมนูเฟคเจอริ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์เปอเรชั่น หรือ SMIC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดของจีน ได้ออกมาเปิดเผยผลประกอบการที่รายได้และผลกำไรเพิ่มขึ้นในช่วงปี 2021 ท่ามกลางความต้องการชิปจำนวนมากจนเกิดภาวะขาดแคลนเพราะผลิตไม่ทัน
บันทึกรายรับของ SMIC ปี 2021 เพิ่มขึ้น 39% มาอยู่ที่ 5,440 ล้านดอลลาร์ นับเป็นอัตราการเติบโตที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2010 ขณะที่ผลกำไรเพิ่มขึ้นถึง 138% มาอยู่ที่ 1,700 ล้านดอลลาร์ อีกทั้งยังเป็นการเติบโตในช่วงเวลาที่บริษัทถูกขึ้นบัญชีดำทางการค้า หรือ Entity List ในปี 2020 ของสหรัฐฯ ก็ตาม
แถลงการณ์ของบริษัทระบุว่า การขาดแคลนชิปทั่วโลก รวมถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทมีโอกาสทำเงินที่หาได้ยาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าข้อจำกัดของการถูกขึ้นบัญชีดำได้สร้างอุปสรรคมากมายต่อการพัฒนาของบริษัท
อย่างไรก็ตาม SMIC ให้คำมั่นที่จะเดินหน้าลงทุนเพิ่มเติมอย่างเต็มที่ โดยเบื้องต้นมีแผนที่จะลงทุน 5,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ขึ้นอีกอย่างน้อย 3 แห่งในปีนี้
อ้างอิง:
- https://www.globaltimes.cn/page/202202/1252126.shtml
- https://www.cnbc.com/2022/02/11/chinese-chipmaker-smic-posts-record-revenue-despite-us-sanctions.html
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP