ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลางประเภท 1 ปี (MLF) ลงจาก 2.65% เป็น 2.50% พร้อมอัดฉีดเงินเข้าระบบอีก 2 แสนล้านหยวน หลังตัวเลขทางเศรษฐกิจในเดือนกรกฎาคมออกมาแย่กว่าคาด โดยการปรับลดดอกเบี้ยรอบนี้ถือเป็นการปรับลดเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนของจีน ตอกย้ำภาพเศรษฐกิจแดนมังกรที่ชะลอตัวต่อเนื่อง
การหั่นดอกเบี้ยแบบไม่คาดฝันของ PBOC เกิดขึ้นหลังรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนกรกฎาคมของจีนออกมาอย่างน่าผิดหวัง โดยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวได้เพียง 3.7% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 4.4% ขณะที่ตัวเลขยอดค้าปลีกก็ปรับสูงขึ้นเพียง 2.5% น้อยกว่าคาดการณ์ที่ 4.5%
ด้านการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนที่ 3.4% แต่ก็ยังต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 3.8% โดยการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ปรับลดลงถึง 8.5% ของช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนอัตราการว่างงานปรับเพิ่มขึ้นจาก 5.2% ในเดือนก่อนหน้าเป็น 5.3%
นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน ยังยกเลิกการเผยแพร่ตัวเลขการว่างงานของคนหนุ่มสาวอายุระหว่าง 16-24 ปี ที่ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นทำสถิติต่อเนื่อง โดยล่าสุดในเดือนมิถุนายน อัตราว่างงานของหนุ่มสาวชาวจีนอยู่ที่ระดับ 21.3%
Louise Loo หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Oxford Economics ระบุว่า ตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนล่าสุดสะท้อนว่าจีนกำลังเผชิญกับวิกฤตความเชื่อมั่น ซึ่งเป็นผลมาจากการตอบสนองทางนโยบายที่ล่าช้าของภาครัฐ
“เศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณอ่อนแรงลงมาตลอดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้งการค้า การบริโภคในประเทศ รวมถึงการเติบโตของสินเชื่อ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่วิกฤตด้านการบริโภคหรือการลงทุน แต่เป็นวิกฤตความเชื่อมั่น ซึ่งวิธีการที่จะเรียกความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา ภาครัฐจะต้องตอบสนองด้วยการออกนโยบายกระตุ้นอย่างรวดเร็ว” Loo กล่าว
ในช่วงที่ผ่านมา ทางการจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นการบริโภค การลงทุนในภาคเอกชน และการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศออกมา แต่มาตรการส่วนใหญ่ยังมีลักษณะเฉพาะเจาะจงและเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและนักลงทุนได้
Goldman Sachs คาดการณ์ว่า PBOC จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี Loan Prime Rate (LPR) ประเภท 1 ปี ซึ่งเป็นดอกเบี้ยอ้างอิงทั่วไป และประเภท 5 ปี ซึ่งใช้อ้างอิงในการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยลงจากปัจจุบันอีก 0.15% ในวันจันทร์หน้า (21 สิงหาคม) แต่ถึงกระนั้นก็อาจยังไม่แรงพอที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจีนได้
“เราคาดว่าในช่วง 2-3 เดือนจากนี้ จีนจะทยอยออกมาตรการกระตุ้นทางการเงิน การคลัง ภาคอสังหาริมทรัพย์ และการบริโภคออกมา แต่ระดับความแรงของมาตรการต่างๆ ยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดู” บทวิเคราะห์ของ Goldman Sachs ระบุ
Hao Zhou หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Guotai Junan International กล่าวว่า ตลาดกำลังตั้งคำถามว่าดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ซึ่งใช้อ้างอิงในการขอสินเชื่อบ้านของจีนจะถูกปรับลดลงอย่างมีนัยเพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีน้ำหนักต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนค่อนข้างมากหรือไม่
“กรณีปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Country Garden ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของจีน อาจไม่ได้สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนเท่ากับการที่รัฐบาลจีนยังปิดปากเงียบ และไม่ส่งสัญญาณตอบสนองออกมา” Hao กล่าว
อ้างอิง:
