กระทรวงการต่างประเทศอินเดียแถลงว่า อินเดียและจีนจะกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินตรงระหว่างกันอีกครั้ง พร้อมทั้งเดินหน้าส่งเสริมการค้าและการลงทุน รวมถึงเปิดการค้าชายแดนใน 3 จุดที่กำหนด และเพิ่มการอำนวยความสะดวกด้านวีซ่า
ท่าทีดังกล่าว ถือเป็นสัญญาณบวกในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ หลังจากที่เผชิญความขัดแย้งและเหตุปะทะในพื้นที่ชายแดนครั้งใหญ่เมื่อปี 2020 ขณะที่เที่ยวบินตรงระหว่างจีนและอินเดีย ถูกระงับไปนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ในปีเดียวกัน
แถลงการณ์ล่าสุดนี้ เกิดขึ้นหลังการเยือนกรุงนิวเดลีของหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน เป็นเวลา 2 วัน เพื่อร่วมเจรจากับ อาจิต โทวาล (Ajit Doval) ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของอินเดีย (NSA) เพื่อหารือเรื่องการยุติข้อพิพาทชายแดนที่ยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษ
กระทรวงการต่างประเทศอินเดียระบุว่า การเจรจาข้อพิพาทชายแดนครอบคลุมประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการถอนกำลังทหารของทั้งสองประเทศในบริเวณพื้นที่พิพาทชายแดนเทือกเขาหิมาลัย ตลอดจนดำเนินการกำหนดและปักปันเขตแดน ตลอดจนหารือเรื่องกิจการชายแดน
แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศจีนที่เผยแพร่ในวันนี้ (20 สิงหาคม) ระบุว่า ทั้งสองประเทศตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อปรึกษาหารือและประสานงานด้านกิจการชายแดนและผลักดันเรื่องการเจรจากำหนดเขตแดน
โดยกลไกดังกล่าวจะขยายการเจรจาให้ครอบคลุมพื้นที่ชายแดนทางด้านตะวันออกและทางตอนกลาง ขณะเดียวกัน จะมีการเจรจารอบใหม่เกี่ยวกับพื้นที่ชายแดนด้านตะวันตกโดยเร็วที่สุด ซึ่งทั้งสองประเทศตกลงที่จะหารือกันอีกครั้งที่จีนในปี 2026
ทางด้านนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย โพสต์ข้อความบน X หลังการพบปะกับหวัง ระบุว่า “ความสัมพันธ์ที่มั่นคง คาดการณ์ได้ และสร้างสรรค์ระหว่างอินเดียและจีน จะมีส่วนสำคัญต่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก”
โดยความพยายามกระชับสัมพันธ์ระหว่าง 2 มหาอำนาจแห่งเอเชีย เกิดขึ้นท่ามกลางนโยบายต่างประเทศที่คาดเดาไม่ได้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขณะที่ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา อินเดียยังเผชิญแรงกดดันจากการขู่ขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เพื่อบีบบังคับให้ยุติการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย
ภาพ: India’s Press Information Bureau/Handout via REUTERS
อ้างอิง: