แม้ว่า เศรษฐกิจจีน ในช่วงไตรมาส 2 จะเติบโตได้ในระดับต่ำจากผลกระทบของการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด แต่นักเศรษฐศาสตร์จากหลายสำนักยังเชื่อว่า เศรษฐกิจจีนจะไม่เข้าสู่ภาวะเติบโตต่ำหรือ Stagnation ซ้ำรอยญี่ปุ่นจากหลายปัจจัย
ประการแรก ระดับรายได้ของชาวจีนยังมีช่องว่างให้เติบโตได้อีกมาก โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัว หรือ GDP Per Capita ของจีนยังคิดเป็นเพียง 1 ใน 5 ของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
“ยังมีช่องว่างให้เศรษฐกิจจีนเติบโตได้อีกมาก เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวที่ระดับ 4-5% ต่อไปได้อีกอย่างน้อย 5-10 ปี ถ้าจีนสามารถปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ลดการพึ่งพาการลงทุน และหันมากระตุ้นการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น” Larry Hu หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ด้านจีนของ Macquarie ระบุ
ด้าน Dan Wang หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Hang Seng Bank China กล่าวว่า แผนการสร้างตลาดเดี่ยวขนาดใหญ่ภายในประเทศ ซึ่งการกีดกันกันเองระหว่างท้องถิ่นภายในของจีนจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเพิ่มการเติบโตของเศรษฐกิจจีนอย่ามหาศาล
ขณะที่ Zong Liang หัวหน้านักวิจัยของ Bank of China เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะไม่เติบโตต่ำเหมือนกับญี่ปุ่น เนื่องจากจีนมีการควบคุมการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน ในขณะที่เงินเยนของญี่ปุ่นมีความผันผวนสูง
Zong ยังเชื่อว่า การลงทุนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของจีนจะยังเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว ขณะที่ในระยะสั้นเศรษฐกิจจีนก็อาจได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นที่ออกมาในเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะเริ่มเห็นผลในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ นอกจากนี้ จีนยังจะได้รับประโยชน์จากการลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี Zong มองว่า จีนจะเผชิญความท้าทายในตลาดอสังหาริมทรัพย์คล้ายกับญี่ปุ่น โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้พยายามเข้าไปจัดการการเก็งกำไรในภาคอสังหา ขณะเดียวกัน ภาคอสังหาของจีนยังมีความเสี่ยงระยะยาวคือการเข้าสู่สังคมสูงวัยของจีน
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP