×

มองจีนด้วยสายตาจีน โอกาสและความท้าทายในโลกาภิวัตน์ใหม่

27.06.2025
  • LOADING...
ภาพเซอร์ โทนี แบลร์ กล่าวบนเวที Summer Davos 2025 สะท้อนบทบาทจีนในเศรษฐกิจโลก

“คุณต้องมองจีนผ่านสายตาของจีนเอง ไม่ใช่ผ่านเลนส์ของโลกตะวันตก” — คำกล่าวของ เซอร์ โทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร สะท้อนทิศทางใหม่ของเวทีเศรษฐกิจโลกอย่างชัดเจน

 

วันที่ 24-26 มิถุนายน 2568 ที่งาน Annual Meeting of the New Champions 2025 หรือที่รู้จักกันในนาม Summer Davos ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเทียนจิน ประเทศจีน THE STANDARD ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้นำทั้งภาครัฐและเอกชนจากจีน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เพื่อทำความเข้าใจว่า “จีนคิดอะไร” และ “เราควรทำอะไร” ท่ามกลางโลกที่ไร้เสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้าเสรีที่ถูกท้าทาย

 

เศรษฐกิจโลกในห้วงเปลี่ยนผ่าน: จาก Just-in-Time สู่ Just-in-Case

 

เวที Chief Economists Briefing เปิดฉากด้วยประเด็นหลัก: โลกกำลังเปลี่ยนผ่านจากยุคแห่งประสิทธิภาพ (Just-in-Time) สู่ยุคของความมั่นคง (Just-in-Case) ความไม่แน่นอนกลายเป็น “สัจธรรมใหม่” ของเศรษฐกิจโลก ตั้งแต่สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ไปจนถึงความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

 

ผลลัพธ์คือรูปแบบการลงทุนและซัพพลายเชนโลกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ธุรกิจข้ามชาติต้องออกแบบ playbook ใหม่ พร้อมรับมือกฎระเบียบที่ซับซ้อนขึ้น และไม่สามารถพึ่ง “โมเดลเดิม” ได้อีกต่อไป

 

มหาอำนาจ 3 ขั้ว” และความจำเป็นในการอยู่ร่วมกับจีน

 

เซอร์โทนี แบลร์ ย้ำว่า โลกในศตวรรษที่ 21 จะมี 3 ขั้วมหาอำนาจหลัก ได้แก่ สหรัฐฯ จีน และยุโรป (หากยุโรปฟื้นตัวได้) โดยการยอมรับสถานะของจีนไม่ใช่เรื่องที่เลือกได้อีกต่อไป แต่เป็นความจำเป็น

 

ภาพ : เซอร์โทนี แบลร์

 

“เราควรแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับจีน แต่ก็ต้องมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิด” เขากล่าวบนเวที พร้อมเตือนว่า การพยายามโดดเดี่ยวจีนนั้นเป็นนโยบายที่ล้มเหลวตั้งแต่ต้น

 

แถลงการณ์ “หลี่ เฉียง”: จีนไม่ถอยจากโลกาภิวัตน์ แต่จะสร้างมันใหม่

 

นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง ส่งสัญญาณชัดเจนว่า จีนจะไม่ย้อนกลับไปสู่ความโดดเดี่ยว แต่จะใช้พลังตลาดและเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก โดยมี 3 แกนหลัก:

 

  1. ภูมิทัศน์การค้าโลกที่เปลี่ยนไป — กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในซีกโลกใต้ (Global South)  กลายเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ ขณะที่การค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Trade) และการค้าดิจิทัลและเทคโนโลยี AI (Digital Trade) รวมไปถึงการค้าภาคบริการ (service sector) กำลังแซงหน้าการค้าดั้งเดิม

 

  1. การเจรจาเชิงสร้างสรรค์ — จีนเสนอ “Harmony makes good business” การแก้ความขัดแย้งด้วยการเจรจา ไม่ใช่การเผชิญหน้า หรือการแข่งแย่งทรัพยากรแบบ zero-sum game

 

  1. บทบาทของนวัตกรรมจีนในเศรษฐกิจโลก — จากพลังผู้บริโภค ไปจนถึงการเป็นผู้นำในเทคโนโลยีสีเขียวและ AI

 

ความเปราะบางของจีนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

 

แม้จีนนำเสนอภาพเศรษฐกิจที่ “มั่นคงและยืดหยุ่น” แต่หลายเสียงจากนักธุรกิจและนักวิเคราะห์กลับสะท้อนอีกด้านที่น่ากังวล

 

การบริโภคภายในประเทศยังฟื้นไม่เต็มที่ ค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังอ่อนแรง โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนที่เผชิญปัญหาว่างงานสูง

 

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ฟื้น ภาวะฟองสบู่ที่แตกร้าวในช่วงหลัง Evergrande ทำให้ความมั่งคั่งของประชาชนหายไปจำนวนมาก

 

ความไม่แน่นอนทางการเมืองและกฎระเบียบ: เหตุการณ์ในอดีตทั้งการปราบปราม Big Tech และข้อจำกัดด้านข้อมูล ทำให้หลายบริษัทต่างชาติอาจจะยังมีคำถามในการลงทุนระยะยาว

 

 

ภาพ : นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง 

 

เสียงจากผู้ประกอบการ: จีนเวอร์ชัน “Born Global”

 

ออสการ์ หวัง Senior Managing Director ของ Teneo บอกกับ THE STANDARD Wealth ว่า ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของจีน “เกิดมาเพื่อโตระดับโลก” พวกเขาไม่คิดแค่จะขยายตลาดออกนอกประเทศ แต่สร้างโมเดลธุรกิจที่สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ตั้งแต่วันแรก

 

จุดเปลี่ยนคือ “แรงบีบจากการแข่งขันในประเทศ” ซึ่งทำให้จีนกลายเป็นห้องทดลองที่โหดที่สุด ถ้าอยู่รอดในตลาดจีนได้ ก็แปลว่าสเกลระดับโลกไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง

 

กรณีศึกษาที่ชัดเจน ได้แก่

 

Black Lake Technologies: SaaS แพลตฟอร์มราคาประหยัดเพื่อ digitalize โรงงาน SMEs

 

Deep Principle: สตาร์ทอัพ AI+เคมีควอนตัมจาก MIT ที่ย้ายกลับมาตั้งบริษัทในจีนเพื่อใช้ประโยชน์จากฐานการผลิต

 

Deeproute: Robotaxi ที่พัฒนา L4 Autonomous Driving แบบไม่ใช้แผนที่ HD โดยได้รับทุนจาก Alibaba และ Geely

 

จุดแข็งของจีนในเกม AI: ไม่ใช่แค่โมเดล แต่คือ “การประยุกต์ใช้”

 

เวที Understanding China’s Approach to AI ชี้ให้เห็นว่า จุดแข็งของจีนอยู่ที่ “ความเร็วในการใช้งานจริง” ไม่ใช่แค่ R&D โดยมีปัจจัยหนุน 5 ประการ:

 

  1. ขนาดตลาดที่ใหญ่ และ ข้อมูลมหาศาล

 

  1. ระบบนิเวศที่ครบวงจร — จากโครงสร้างพื้นฐาน 5G ถึงแพลตฟอร์ม cloud ระดับโลก

 

  1. นโยบายรัฐแบบ Light-touch — ไม่ควบคุมจนเกินไปแต่คอยสนับสนุน รัฐเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้ควบคุม” เป็น “เร่งปฏิกิริยา”

 

  1. การ Reskill แรงงาน — รับมือ AI ด้วยทักษะที่ยืดหยุ่น (durable skills)

 

  1. วิสัยทัศน์ Open Innovation — จีนไม่ได้เก็บเทคโนโลยีไว้เอง แต่พร้อมแชร์เพื่อเติบโตร่วมกัน

 

แต่ในขณะเดียวกัน จีนก็ยังมีความท้าทายก็ไม่น้อย เช่น การระดมทุนจากสหรัฐฯ “แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว” หรือการขยายตลาดต้องเคารพกฎระเบียบ ภูมิทัศน์ด้านการแข่งขันด้านราคา และกฎหมายข้อมูลของแต่ละประเทศ (Data Localization) รวมถึงการแข่งขันภายในประเทศจีนเองก็ “ดุเดือดถึงขั้นทำลายล้าง” (Brutal Competition)

 

ไทยในสายตาจีน: โอกาสหรือสนามทดลอง?

 

ออสการ์ หวัง ระบุว่า ไทยคือ “บันไดก้าวสำคัญ” ของจีนในการขยายสู่ตลาดโลก ด้วยความสัมพันธ์ที่ดี ภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบ และขนาดตลาดที่เหมาะสม แต่สิ่งที่จีนยังขาดคือ “soft power ในการสื่อสาร” และ “ความเข้าใจวัฒนธรรมในแต่ละประเทศ”

 

ข้อเสนอจากเวทีนี้จึงชัดเจน ถ้าไทยสามารถวางตำแหน่งเป็น “พื้นที่เชื่อมโยง” ที่จีนไว้ใจ โดยจัดการเรื่องทุนจีนเทาอย่างโปร่งใส เปิดพื้นที่ให้เกิดความร่วมมือแบบ win-win และเสริมทักษะบุคลากรไทยให้พร้อมรับการลงทุนระดับ deep tech ไทยจะไม่ได้แค่เป็นสนามทดลอง แต่เป็น “พันธมิตรระยะยาว”

 

บทส่งท้าย: โลกไม่ใช่ China vs. US แต่คือ China + ASEAN

 

บทสนทนาจากหลายเวทีชี้ตรงกันว่า “ความเป็นจริงของเศรษฐกิจโลกไม่ได้อยู่ที่การแบ่งขั้ว” แต่คือความสามารถในการสร้างสมดุล, เชื่อมต่อความร่วมมือ, และเร่งนวัตกรรมร่วมกัน

 

Summer Davos ปีนี้ ไม่ได้มีคำตอบเดียวให้กับคำถามเรื่อง “อนาคตของจีน” แต่สิ่งที่ชัดเจนคือโลกต้องเผชิญกับจีนในฐานะ “ผู้เล่นที่ไม่เหมือนใคร” มีขนาด มีความเร็ว มีเทคโนโลยี แต่ก็มีความเปราะบางในระบบของตนเอง

 

ในโลกหลังโลกาภิวัตน์ จีนไม่ได้กำลังสร้าง “ระเบียบใหม่ของโลก” แต่กำลังเขียน “คำตอบของตัวเอง” ขึ้นมา และประเทศอย่างไทยต้องไม่เพียงแค่อ่านคำตอบนั้นให้ทัน แต่ต้อง “ตั้งคำถามให้แม่น” ด้วย

 

นครินทร์ วนกิจไพบูลย์

บรรณาธิการบริหาร THE STANDARD

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising