สำนักข่าว Reuters รายงานว่า จีนได้ลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปี นับจากเดือนพฤษภาคมปี 2010 โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา จีนมีการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อยู่ 1.003 ล้านล้านดอลลาร์ ลดลง 3.62 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 1.039 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนมีนาคม
สาเหตุสำคัญที่ทำให้การถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ของจีนปรับลดลง ส่วนหนึ่งเกิดจากแรงเทขายเพื่อตัดขาดทุนของนักลงทุนหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงเพื่อดูแลภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปี
ขณะที่อีกหนึ่งปัจจัยคือการพยายามลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ของทางการจีน ด้วยการกระจายการถือครองเงินทุนสำรองในสินทรัพย์และสกุลเงินอื่นๆ ให้มากขึ้น
การเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ของจีนส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีในเดือนเมษายนปรับขึ้นราว 0.55% มาอยู่ที่ 2.9375%
นอกจากนี้จีนและญี่ปุ่นซึ่งเป็นต่างชาติรายใหญ่ที่สุดที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ก็มีการปรับลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลงเช่นกัน
โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จาก 1.232 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนก่อนหน้าลงเหลือ 1.218 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าการที่เงินเยนอ่อนค่าลงมากเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ ทำให้เกิดแรงเทขายจากนักลงทุนญี่ปุ่นเพื่อทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP