จีนเล็งปรับลดภาษีซื้อขายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 เพื่อฟื้นฟูตลาดหุ้นที่ซบเซา หลังดัชนี Hang Seng China ให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดในโลกในช่วง 15 วันแรกของเดือนสิงหาคม
วันนี้ (16 สิงหาคม) Bloomberg รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ทางการจีนกำลังพิจารณาปรับลดภาษีขายหุ้น หรืออากรแสตมป์ (Stamp Duty) ในการซื้อขายหุ้นเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2008 ถือเป็นความพยายามครั้งสำคัญในการฟื้นความเชื่อมั่นในตลาดตราสารทุนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
แหล่งข่าวยังเปิดเผยกับ Bloomberg ว่า ภายใต้การแนะนำของคณะมนตรีแห่งรัฐ (State Council) ขณะนี้หน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกระทรวงการคลัง กำลังหารือเกี่ยวกับร่างข้อเสนอดังกล่าวอยู่
อย่างไรก็ดี สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลาและอัตราการลดยังไม่ได้รับการพิจารณา และไม่มีการรับประกันว่าข้อเสนอนี้จะได้รับการอนุมัติจากผู้นำระดับสูง
รายงานยังระบุว่า การลดอากรแสตมป์ในอัตรา 0.1% มีแนวโน้มจะกระตุ้นให้เกิดการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว (Rally) ในตลาดตราสารทุน (ตลาดหุ้น) ของจีน ที่มีมูลค่าราว 9.9 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากตลาดหุ้นจีนมีความอ่อนไหวสูงต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของตลาด
นอกจากนี้การปรับลดภาษีประเภทดังกล่าวก็จะเป็นประโยชน์สำหรับโบรกเกอร์ในจีน รวมถึงกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใช้กลยุทธ์การซื้อขายอย่างรวดเร็วด้วย
โดยการปรับตัวของตลาดหุ้นจีนยังน่าจะช่วยให้รัฐบาลของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง กระตุ้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ซึ่งถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนในเศรษฐกิจจีนด้วย
ทั้งนี้ หลังจากมีรายงานข่าวดังกล่าวออกมาเมื่อวานนี้ (15 สิงหาคม) ดัชนีหุ้นโบรกเกอร์ในจีนแผ่นดินใหญ่ที่จัดทำโดย Bloomberg เพิ่มขึ้นมากถึง 0.8% แม้ว่าดัชนี Benchmark หุ้นจีนอย่าง CSI 300 จะปิดลบ 0.2% หลังจากร่วงลง 1.2% ในระหว่างวัน
ด้วยราคาหุ้นที่ตกต่ำในปีนี้ ความมั่งคั่งของครัวเรือนได้รับผลกระทบจากตลาดงานที่อ่อนแอและราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง ทางการจีนกำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้น ในการกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคและรายจ่ายด้านทุน
โดยตลาดพากันคาดหวังเกี่ยวกับมาตรการลดอากรแสตมป์นี้มาสักระยะแล้ว โดยเฉพาะหลังจากปักกิ่งให้คำมั่นสัญญา (ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น) เมื่อเดือนที่แล้ว ว่าจะ ‘กระตุ้นตลาดทุนและเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุน’
ถึงกระนั้นก็ยังไม่ชัดเจนว่าการปรับลดภาษีดังกล่าวจะเพียงพอที่จะกระตุ้นให้หุ้นจีนฟื้นตัวในระยะยาวหรือไม่
เนื่องจากในเดือนสิงหาคมนี้ ดัชนี Hang Seng China ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกง กลายเป็นดัชนีที่มี Performance แย่ที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับบรรดาดัชนีหุ้นทั่วโลก 92 ดัชนี ที่ติดตามโดย Bloomberg
อ้างอิง: