คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตีตราจีนเป็น ‘ประเทศปั่นค่าเงิน’ หลังธนาคารกลางจีน (PBoC) ปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี เมื่อเทียบกับเหรียญสหรัฐ ซึ่งถูกเพ่งเล็งว่าเป็นเครื่องมือของรัฐบาลจีนในการตอบโต้มาตรการภาษีของทรัมป์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทรัมป์ระบุในทวิตเตอร์ว่า ที่ผ่านมาจีนใช้มาตรการลดค่าเงินหยวนเพื่อขโมยธุรกิจและโรงงานของสหรัฐฯ ส่งผลให้ชาวอเมริกันตกงานเป็นจำนวนมาก และกดดันค่าแรงให้ต่ำลง รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตร ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรชาวอเมริกัน แต่เขาจะไม่ปล่อยให้จีนทำเช่นนั้นอีกแล้ว
ทั้งนี้หลังจากที่ทรัมป์รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2017 เขาพยายามหลีกเลี่ยงการตราหน้าจีนว่าเป็นประเทศที่ควบคุมค่าเงินมาตลอด โดยในรายงานสถานการณ์การควบคุมค่าเงินของประเทศคู่ค้าที่จัดทำขึ้นทุกๆ 2 ปีฉบับล่าสุด กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก็ไม่ได้ระบุว่าจีนเป็นประเทศปั่นค่าเงินอย่างเป็นทางการ
แต่กระนั้นหลังจากที่แบงก์ชาติจีนได้กำหนดค่ากลาง หรืออัตราอ้างอิงเงินหยวนรายวันใหม่ ซึ่งทำให้ค่าเงินร่วงลงหลุดกรอบ 7 หยวนต่อ 1 เหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 ได้บีบให้สหรัฐฯ ต้องออกมาเคลื่อนไหว
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า ธนาคารกลางจีนยอมรับอย่างเปิดเผยว่า พวกเขามีประสบการณ์ที่กว้างขวางในการควบคุมค่าเงินหยวน อีกทั้งมีเครื่องมือพร้อม และจะดำเนินมาตรการแทรกแซงที่จำเป็นต่อตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศ
ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์มองว่า การลดค่าเงินหยวนเป็นหนึ่งในทางเลือกที่จีนอาจพิจารณาใช้กับสหรัฐฯ เพราะหากตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีอาจกดดันสหรัฐฯ ได้ไม่มากนัก เนื่องจากจีนมียอดนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ น้อยกว่ายอดส่งออก ดังนั้นจึงไม่สามารถแลกหมัดกับสหรัฐฯ ด้วยมาตรการภาษีโดยตรงได้ ส่วนการลดค่าเงินครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษี 10% กับสินค้าจีนมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยทรัมป์ให้เหตุผลว่า จีนไม่ทำตามสัญญาในการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วคณะเจรจาของจีนและสหรัฐฯ ไม่สามารถทำข้อตกลงยุติสงครามการค้ากันได้ และได้กำหนดวันเจรจารอบใหม่เป็นช่วงต้นเดือนกันยายน อย่างไรก็ตาม ท่าทีที่ไม่เป็นมิตรต่อกัน ทำให้เกิดความกังวลว่าสองฝ่ายจะเดินหน้าเจรจากันต่อได้หรือไม่ ท่ามกลางสงครามการค้าที่มีแนวโน้มยืดเยื้ออีกหลายปี
ภาพ: ShutterStock
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: