เศรษฐกิจวัดโตแรงสวนทางเศรษฐกิจโลก! รัฐบาลจีน เปิดฉากปราบปรามวัดเชิงพาณิชย์จริงจังขึ้น ล่าสุด สำนักงานกิจการศาสนาแห่งชาติจีน มีคำสั่งออกกฎ ‘จรรยาบรรณการใช้อินเทอร์เน็ตของนักบวช’ ห้ามนักบวชและผู้นำทางศาสนาใช้ AI เพื่อเทศน์, ไลฟ์สด และทำนายดวง เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางการเงิน และห้ามการรับเงินบริจาคออนไลน์สำหรับพิธีกรรมต่างๆ
แม้กฎนี้จะไม่ได้ระบุรายละเอียดที่ชัดเจน แต่ก็นับเป็นสัญญาณที่ทำให้เห็นว่ารัฐบาลกำลังจับตาการนำเทคโนโลยีมาใช้ในทางที่อาจควบคุมไม่ได้
มาตรการครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่เดือนหลังจากมีข่าวฉาวของท่านสือ หย่งซิน (Shi Yongxin) เจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน ที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตยักยอกเงินและประพฤติตนไม่เหมาะสม จนได้รับฉายาว่าพระนักธุรกิจหรือ CEO Monk ที่พบว่าได้เปลี่ยนอารามอายุ 1,500 ปี ให้กลายเป็นอาณาจักรการค้ามูลค่าหลายร้อยล้านหยวนได้ เหตุการณ์นี้สะท้อนภาพให้เห็นว่าศาสนาในจีนกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการค้าจนสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชน
ในช่วงเวลาเดียวกัน แม้พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะยึดมั่นในแนวคิดอเทวนิยม หรือที่เรียกว่าไม่เชื่อในพระเจ้า แต่เมื่อปี 1976 เหมา เจ๋อตุง ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจถึงแก่อสัญกรรม ทำให้ศาสนาฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาดูผลสำรวจของ Pew Research Center ชี้ว่า แม้จะมีชาวจีนเพียง 1 ใน 10 ที่ระบุว่าตนเองไม่นับถือศาสนา แต่ในความเป็นจริงแล้วชาวจีนราว 40% ยังคงมีความเชื่อทางศาสนา และได้บริจาคเงินและจ่ายค่าเข้าชมให้กับวัด ซึ่งเป็นเหตุให้เศรษฐกิจในวัดเติบโตอย่างมาก
โดย Meritco Group ที่ปรึกษาทางธุรกิจ ประเมินว่า รายได้จากเศรษฐกิจกลุ่มนี้เติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 10% และอาจสูงถึง 1 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์) ภายในปีนี้ พร้อมชี้ว่า การตลาดดิจิทัล, ไลฟ์สด และอีคอมเมิร์ซ ได้กลายเป็นช่องทางใหม่ที่วัดใช้ดึงดูดผู้บริโภควัยรุ่น และช่วยกระตุ้นให้เกิดการทำธุรกิจผ่านความศรัทธาในศาสนา
ทั้งนี้ เมื่อมีกฎ ‘จรรยาบรรณออนไลน์’ ฉบับใหม่ออกมาก็ได้สร้างข้อจำกัดที่ชัดเจนขึ้น แต่ก็ยังอนุญาตให้มีการเผยแพร่คำสอนทางศาสนาผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันได้เฉพาะวัด, โบสถ์ หรือองค์กรศาสนาที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการเท่านั้น
ด้าน เอียน จอห์นสัน นักวิเคราะห์ด้านศาสนาในจีน กล่าวว่า การปราบปรามครั้งนี้เป็นความพยายามของรัฐบาลในการควบคุมการค้าที่ขายศาสนามากเกินไป และเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ต่อต้านการทุจริตของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพื่อป้องกันความไม่พอใจของประชาชนที่เห็นบุคคลทางศาสนาบางกลุ่มร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหาผลประโยชน์จากศาสนา จนมีฐานะร่ำรวยและมั่งคั่งอย่างมาก
พร้อมยกตัวอย่างที่ชัดเจนคือภูเขาชิงเฉิง (Mount Qingcheng) ซึ่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในลัทธิเต๋า ที่เคยมีแผนจะเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะ (IPO) และมีการไลฟ์สดขายสินค้าทางศาสนาผ่านแพลตฟอร์ม Douyin ซึ่งมีราคาสูงถึงหลักหมื่นหยวน
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการมองว่าการปราบปรามครั้งนี้ แต่อาจจะไม่เปลี่ยนพฤติกรรมในระยะยาว และอาจทำให้กิจกรรมต้องห้ามกลับมาในรูปแบบอื่น แต่ก็ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่ารัฐบาลต้องการควบคุมทุกสิ่งให้อยู่ภายใต้อำนาจของพรรคอย่างเข้มงวดและไม่มีใครมีอิทธิพลใหญ่เกินไปที่จะอยู่นอกเหนือการควบคุมได้
ภาพ: topimages/shutterstock
อ้างอิง: