ที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ลงมติรับรองให้ หลี่เฉียง วัย 63 ปี ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 8 ของสาธารณรัฐประชาชนจีน หลังประธานาธิบดีสีจิ้นผิงเสนอชื่อหลี่ในที่ประชุมวันนี้ (11 มีนาคม) โดยหลี่เฉียงจะเข้ามาแทนที่อดีตนายกรัฐมนตรี หลี่เค่อเฉียง ที่ก้าวลงจากตำแหน่งหลังอยู่ครบ 2 วาระ
หลี่เฉียงถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ใกล้ชิดของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง โดยก่อนหน้านี้เขาได้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมหานครเซี่ยงไฮ้ ขณะที่ในเดือนตุลาคม 2022 เขาถูกวางตัวให้เป็นสมาชิกเบอร์ 2 ของคณะกรรมการประจำกรมการเมือง (Standing Committee of the Politburo) หรือโปลิตบูโร ซึ่งถือเป็นการประกาศที่เหนือความคาดหมายชนิดหักปากกาเซียน เพราะไม่มีใครเคยคิดมาก่อนว่าม้านอกสายตาผู้นี้จะก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งสำคัญที่เป็นรองเพียงสีจิ้นผิง ทำให้เป็นที่คาดหมายตั้งแต่นั้นมาว่า เขาจะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีจีนคนใหม่ในปีนี้
ภากร กัทชลี อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเจ้าของเพจอ้ายจง เคยให้ความเห็นกับ THE STANDARD ว่า หลี่เฉียงเป็นนักการเมืองที่ใกล้ชิดกับสีจิ้นผิงมาเป็นเวลานาน แม้เส้นทางการทำงานการเมืองของหลี่เฉียงจะเริ่มจากสันนิบาตยุวชนคอมมิวนิสต์ก็ตาม แต่ว่ากันว่าเขาคือคนที่อยู่ฝ่ายสีจิ้นผิง และจงรักภักดีอย่างมาก โดยทำงานใกล้ชิดกับสีจิ้นผิงเมื่อครั้งอยู่มณฑลเจ้อเจียง
เส้นทางทางการเมืองของหลี่เฉียงเฉิดฉายขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่สีจิ้นผิงดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคฯ และประธานาธิบดีจีนสมัยแรก โดยเขาก้าวเป็นผู้ว่าการมณฑลเจ้อเจียง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลเจียงซู และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมหานครเซี่ยงไฮ้ พื้นที่ที่เป็นเสมือนแหล่งบ่มเพาะผู้นำระดับสูงของจีน เรียกได้ว่ามีการปูทางไว้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฝึกปรือฝีมือทางด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจสมัยใหม่ เพื่อให้จีนสู้กับนานาชาติได้
จากผลงานต่างๆ มากมายของเขา อาทิ การดำเนินนโยบายดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาที่มหานครเซี่ยงไฮ้และเขตเศรษฐกิจ YRD โดยดึงดูดให้ Tesla แบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก มาตั้งโรงงานระดับ Mega Factory แห่งแรกในจีนที่เซี่ยงไฮ้ได้สำเร็จเมื่อปลายปี 2019 ทำให้หลี่เฉียงได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำระดับสูงหัวก้าวหน้า มีแนวคิดสมัยใหม่ และเข้าถึงง่าย ตรงนี้ไม่ได้มีการยกย่องแค่ในฝั่งจีนเท่านั้น แต่สำนักข่าวตะวันตกก็รายงานประเด็นนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การที่หลี่เฉียงรับตำแหน่งนี้โดยที่ไม่เคยผ่านงานในรัฐบาลส่วนกลางมาก่อนนั้น ทำให้เป็นที่จับตาอย่างกว้างขวางว่าเขาจะบริหารได้ดีเพียงใด เนื่องจากยังขาดประสบการณ์ ขณะที่นักวิเคราะห์ในซีกโลกตะวันตกมองว่า การฉีกธรรมเนียมปฏิบัติของพรรคโดยการให้หลี่เฉียงขึ้นมาเป็นนายกฯ โดยที่ไม่เคยผ่านงานส่วนกลางนั้น อาจสะท้อนว่าอำนาจหรือบทบาทของนายกฯ หลังจากนี้อาจน้อยลงกว่าสมัยหลี่เค่อเฉียง ขณะที่อำนาจตัดสินใจต่างๆ อาจรวมศูนย์อยู่ที่สีจิ้นผิงมากขึ้น
ภาพ: Lintao Zhang / Getty Images