แต่ก่อนประวัติศาสตร์เคยเป็นสิ่งที่คอมมิวนิสต์จีนต้องการจะลบล้างออกไป แต่ตอนนี้รัฐบาลจีนเริ่มตระหนักถึงความสำคัญ พร้อมหวังผลักดันประเทศให้เป็นที่หนึ่งในด้านมรดกโลก
ปัจจุบันมรดกโลกของประเทศจีนที่ผ่านการรับรองขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) มีอยู่ 52 อย่าง ตามหลังอันดับ 1 อย่างอิตาลีเพียง 1 อย่างเท่านั้น
จีนเริ่มลงทะเบียนมรดกโลกมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังติดมรดกโลกครั้งแรกในปี 1987 หรือ 15 ปีให้หลังการเปิดตัว UNESCO
แดนมังกรได้ลงทะเบียนการขับร้องเพลงด้วยลำคอของชาวมองโกเลีย สะพานไม้ และงิ้วแบบต่างๆ ในประเทศในฐานะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมด้วย
จีนมีความพยายามอย่างมากในการชิงตำแหน่งเจ้ามรดกโลก ไม่ว่าจะผ่านการอัดฉีดเงิน ตลาด หรือกำลังคนเข้าไปในโครงการต่างๆ เทียบกับอิตาลีที่ลงทะเบียนเพิ่มอีก 5 อย่างนับตั้งแต่ปี 2013 ขณะที่จีนลงทะเบียนเพิ่มไป 29 อย่าง
จังหวัดต่างๆ ในจีนก็ไม่น้อยหน้าเช่นเดียวกัน ในปี 2010 เทศมณฑลแห่งหนึ่งในมณฑลหูหนานสามารถเก็บภาษีได้ถึง 2 เท่าจากปกติ ด้วยความคาดหวังให้เขาสายรุ้งตันเซี๋ยได้รับการจดทะเบียนด้วย
ขณะเดียวกัน รัฐบาลซีอานเสนอแผนงบประมาณ 12,500 ล้านหยวน (61,590 ล้านบาท) เพื่อจัดการพื้นที่ในเมืองเก่าฉางอานที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่น
การใช้จ่ายเงินมหาศาลย่อมหมายความว่ารัฐบาลท้องถิ่นจะกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อให้ได้ผลการลงทุนคืนด้วย แม้อาจทำให้พื้นที่มีความเสี่ยงที่จะเสียหายก็ตาม โดยนับตั้งแต่อุทยานจางเจียเจี้ยถูกขึ้นมรดกโลกเมื่อ 25 ปีก่อน ก็มีอาคารใหม่ๆ ขึ้นมามากมายจนต้องมีการเรียกร้องให้บูรณะพื้นที่บางแห่งด้วย ทว่าทางการก็เปิดรับนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 1995 อุทยานเปิดรับนักท่องเที่ยวไม่ถึง 2 ล้านคน แต่เมื่อปีก่อนกลับมีนักท่องเที่ยวเกินกว่า 60 ล้านคน
แม้ประเทศมหาอำนาจแห่งนี้จะส่งเสริมความยิ่งใหญ่ของประเทศไปพร้อมๆ กับการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นในสายตาชาวโลก แต่ความกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนก็ยังไม่หายไป ตามรายงานขององค์กรกรีนพีซเมื่อปี 2016 แสดงให้เห็นว่ามีเหมืองเถื่อนที่ส่งผลกระทบต่ออุทยานอนุรักษ์ที่ได้รับจดทะเบียนมรดกโลกปี 2003
นอกจากนี้ แผนลงทะเบียนวัดที่สร้างขึ้นในราชวงศ์ถังเมื่อปี 2013 ยังรวมถึงความต้องการทุบที่พักอาศัยและทำสมาธิของพระในวัด ด้วยความต้องการนำพื้นที่ไปทำประโยชน์ด้านอื่น
ท่ามกลางแนวทางหันมาอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ หลายฝ่ายก็ไม่ได้เห็นด้วยต่อรัฐบาลจีนนัก การจดทะเบียนอุทยานอนุรักษ์เขอเข่อซีหลี่เป็นมรดกโลกในปีนี้ถือเป็นตัวอย่างหนึ่ง เนื่องจากทางการเสนอให้เป็นพื้นที่ปลอดมนุษย์ แม้ชนเผ่าทิเบตจะอาศัยอยู่มานาน เป็นเหตุให้หลายคนต้องอพยพอย่างไม่เต็มใจ
พวกเขามองอีกว่า การจดทะเบียนของ UNESCO จะทำให้มีนักท่องเที่ยวมากขึ้น และเป็นการยากต่อการรักษาประเพณีชาวทิเบตเอาไว้
อย่างไรก็ตาม UNESCO กำลังพิจารณาข้อกำหนดให้แต่ละประเทศสามารถลงทะเบียนมรดกโลกเพิ่มได้ปีละ 1 อย่างเท่านั้น
Photo: AFP
อ้างอิง: