ระหว่าง ‘การลืม’ กับ ‘การรอ’ อะไรเจ็บปวดกว่ากัน?
คำถามที่ ปาล์ม และ บอย ดูโอ้วง Chilling Sunday นำมาเป็นคอนเซปต์ในซิงเกิลล่าสุด ต้องลืมหรือต้องรอ เพลงช้าสุดเศร้าที่ชวนทุกคนมาหาคำตอบไปพร้อมกัน
เพลงนี้ได้ แทน Lipta มาเป็นโปรดิวเซอร์ และเขียนเนื้อเพลงร่วมกับ ข้าว Fellow Fellow นำเสนอผ่านดนตรีช้าๆ แต่มีไดนามิกค่อยๆ เพิ่มความหนักหน่วงช่วงท่อนฮุก ผสมกับเสียงใสๆ แต่มีพลังหนักแน่นของปาล์ม ที่ช่วยให้ทั้งการลืมและรอในครั้งนี้เจ็บปวดขึ้นไปอีก
“ฉันควรจะรอให้เธอกลับมา หรือควรจะลืมทุกช่วงเวลาที่ผ่านมา”
เนื้อเพลงเล่าถึงมุมมองคนที่ถูกบอกให้ ‘รอ’ อย่างไม่มีกำหนดการ ทุกวันเวลาแสนยาวนานเพราะไม่รู้ว่าการรอครั้งนี้จะจบลงเมื่อไร ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ก็นึกว่าจะข้อความของเขาคนนั้น แต่สุดท้ายไม่เคยมีสัญญาณกลับมา จนรู้สึกว่าอาจถึงเวลาแล้วที่ต้องเลือกว่าจะเจ็บปวดแบบไหน ระหว่างการ ‘รอ’ ให้เธอกลับมาอย่างมีความหวัง หรือการ ‘ลืม’ เพื่อให้ชีวิตก้าวต่อไปข้างหน้าโดยไม่มีเธอ
“การรอคอยที่ดูเลือนลาง ไม่มีคืนไหนไม่ทรมาน
แต่ถ้าให้ลืมเธอก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน”
พาร์ตมิวสิกวิดีโอฉายภาพย้ำเรื่องการ ‘รอคอย’ ของผู้หญิงคนหนึ่งบนสะพานในทะเลสาบที่เคยมีความทรงจำร่วมกับคนรัก ภาพวันเก่าๆ ค่อยลอยกลับมาเหมือนแม่น้ำแห่งความรู้สึกที่ไม่เคยหยุดนิ่ง จุดที่น่าสังเกตเล็กๆ ของฉากนี้ คือตำแหน่งการยืนที่อยู่ตรงกลางระหว่างทางแยก 2 ฝั่ง เหมือนสัญลักษณ์ที่ต้องเลือกระหว่างการรอหรือการลืม
เมื่อการรอคอยเนิ่นนานเกินไป เธอตัดสินใจปล่อยผ้าพันคอผืนที่เขาเคยให้ลงพื้น เหมือนเลือกลืมแล้วเดินจากไป แต่อย่างที่หลายคนรู้ ว่าความรักไม่เคยเป็นเรื่องง่ายขนาดนั้น เมื่อสายลมพัดมา ผ้าพันคอผืนนั้นกำลังจะปลิวหายไป เธอกลับวิ่งไปกอดเก็บมันไว้ทั้งน้ำตา
ถึงแม้จะรู้ดีว่าการลืมแล้วเดินต่อไปข้างหน้าอาจเป็นหนทางที่ดีที่สุด แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเป็น ‘คนรอ’ ยอมรับความเจ็บปวด และหวังว่าจะมีสักวันหนึ่งที่สายลมของเขาพัดมาหาเธออีกครั้ง
“ถ้าให้ลืมเธอก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน
ถ้างั้นฉันขอไม่ลืมเธอ…เเละเจ็บปวด”
สามารถฟังเพลง ต้องลืมหรือต้องรอ เพลงช้าสุดเศร้าจาก Chilling Sunday ได้ที่