ปัจจุบัน เด็กอายุ 5–17 ปี ใช้เวลาอยู่หน้าจอเฉลี่ยมากกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน ขณะเดียวกัน เวลาสำหรับกิจกรรมเคลื่อนไหว เล่นอิสระ หรือใช้จินตนาการ กลับลดลงอย่างน่าใจหาย
ผลกระทบไม่ได้มีเพียงแค่สุขภาพกายที่อ่อนแอ แต่ยังรวมถึงการพัฒนาทักษะทางสมอง อารมณ์ และสังคมที่ชะงักงันไปพร้อมๆ กัน
คำถามคือ เราจะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้อย่างไร?
1. สร้าง “พื้นที่อิสระ” สำหรับการเล่น
การออกไปเล่นไม่จำเป็นต้องมีสนามเด็กเล่นใหญ่โต แค่พื้นที่ที่เด็กได้รู้สึกว่า “เป็นของเขา” ก็เพียงพอ อาจเป็นมุมเล็กๆ ในบ้าน สนามหญ้าข้างบ้าน หรือแม้แต่ระเบียงที่ปลอดภัยและเปิดให้เด็กได้คิด ออกแบบ และลองเล่นอย่างไม่จำกัด
สิ่งสำคัญคือ พ่อแม่ต้องไม่รีบเข้าไปควบคุม แต่คอยอยู่ข้างๆ อย่างเข้าใจ
2. กำหนด “เวลาเล่น” อย่างจริงจัง
เด็กควรมีเวลาเล่นอิสระอย่างน้อยวันละ 30 นาที แบบไม่ถูกแทรกแซง ไม่ต้องรีบเรียนเสริม ไม่ต้องรีบติวสอบ และไม่ต้องรีบไปทำกิจกรรมที่ผู้ใหญ่จัดให้
ถ้าอยากให้ลูกมีพัฒนาการที่สมดุล พ่อแม่ควรให้คุณค่ากับเวลาเล่นเท่ากับเวลาเรียน เพราะมันคือการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง
3. เป็น “เพื่อนเล่น” ที่ดี โดยไม่เป็น “ผู้ควบคุม”
ของเล่นที่ดีที่สุดของลูกคือ “พ่อแม่” เด็กๆ ต้องการคนเล่นด้วย ไม่ใช่คนสอน คนร่วมจินตนาการ ไม่ใช่คนตั้งกฎ ถ้าพ่อแม่ยอมลดบทบาทจาก “ผู้กำกับ” มาเป็น “คู่เล่น” ความสัมพันธ์ในครอบครัวจะใกล้ชิดขึ้น พัฒนาการของลูกก็จะดียิ่งขึ้นตามไปด้วย
4. ผลักดันนโยบายที่เข้าใจพ่อแม่และเด็ก
ปัญหาสำคัญอีกอย่างคือ “เวลา” ที่พ่อแม่ไม่มี เพราะระบบงานที่ไม่คำนึงถึงครอบครัว ถ้ารัฐสามารถออกแบบนโยบายแรงงานให้พ่อแม่มีเวลาคุณภาพกับลูก มีพื้นที่เล่นใกล้บ้าน (ไม่เกิน 15 นาทีจากบ้าน) หรือสนับสนุนพื้นที่เล่นในชุมชน การเล่นอิสระก็จะไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง