วันนี้ (5 ธันวาคม) ที่ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย วรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นพ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย และ นพ.สมศักดิ์ อุทัยพิบูลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ร่วมกันแถลงข่าวติดตามสถานการณ์ผู้ป่วยติดโควิด-19 ของจังหวัดเชียงราย กรณีตรวจพบผู้ติดโควิด-19 เพิ่มอีก 2 ราย ในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
โดยผู้ติดเชื้อเป็นเพศหญิง อายุ 25 ปีเท่ากันทั้งสองคน มีประวัติทำงานที่สถานบันเทิง 1G1 และลักลอบกลับเข้ามาจากประเทศเมียนมา ทำให้จังหวัดเชียงรายล่าสุดมีผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์รวม 11 ราย
จากการสอบสวนโรคพบว่า เกิดจากกรณีมีหญิงที่ทำงานในโรงแรม 1G1 จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา คนหนึ่งได้หลบหนีเข้าทางช่องทางธรรมชาติสู่อำเภอแม่สายไปพักที่บ้านแฟนหนุ่ม จากนั้นได้มีเพื่อนที่ทำงานที่เดียวกันข้ามตามไปพักด้วยอีก 4 คน เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และต่อมา 3 ใน 4 คนดังกล่าว คือผู้ติดเชื้อที่อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดพะเยา ได้พากันไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในอำเภอแม่สาย ก่อนวันที่ 28 พฤศจิกายน เพื่อนทั้ง 4 คนได้เดินทางเข้าไปอำเภอเมืองเชียงราย แล้วมีเพื่อนจากโรงแรม 1G1 เข้ามาพักด้วยอีก 2 คน ทดแทนกลุ่มเดิมก่อนหน้านี้
หลังทราบข่าวการพบผู้ติดโควิด-19 ในจังหวัดท่าขี้เหล็ก หญิงสาวคนแรกที่พักกับแฟนจึงได้ไปตรวจหาเชื้อที่คลินิกเอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอแม่สาย แต่ไม่พบเชื้อ จึงได้โทรศัพท์ชวนเพื่อนอีก 2 คนดังกล่าวไปตรวจด้วย ซึ่งก็ไม่พบเชื้อเช่นกัน ดังนั้นช่วงเย็นจึงออกไปซื้อของที่ตลาด และกลับที่พักโดยไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย กระทั่งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม มีคนในกลุ่มมีไข้ จึงโทรแจ้งโรงพยาบาลแม่สายเพื่อให้ไปรับ เมื่อโรงพยาบาลตรวจพบว่าหญิงสาวที่ตามไปพักด้วย 2 คนติดโควิด-19 เจ้าหน้าที่จึงตามหญิงสาวคนที่พักกับแฟนไปตรวจ ปรากฏว่าผลยังเป็นลบ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างเพื่อนำส่งซ้ำแล้ว และรอยืนยันผลต่อไป
สำหรับสองรายล่าสุดนั้น คนแรกมีอาการไอ มีเสมหะ มีน้ำมูก และจมูกไม่ได้กลิ่น ส่วนอีกคนมีไข้และปวดเมื่อยตามตัว ปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนและรวบรวมกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงทั้งสูงและต่ำตามขั้นตอน ทำให้มีผู้ติดเชื้อในจังหวัดเชียงรายรวมกันในขณะนี้จำนวน 11 ราย โดยเป็นการติดเชื้อภายนอกศูนย์ตรวจกักดูอาการ หรือ State Local Quarantine
วรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ปัจจุบันคาดว่ามีคนไทยที่ตกค้างอยู่ในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา อีกประมาณ 400 คน และล่าสุดในวันนี้ได้แจ้งผ่านคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมาระดับท้องถิ่น ขอข้ามมาเพิ่มเติมจำนวน 40 คน ส่วนคนที่ข้ามมาแล้วมีจำนวน 67 คน ทั้งหมดอยู่ใน State Local Quarantine สำหรับสถานบันเทิงที่ผู้ป่วยรายที่ 7 ที่พบเชื้อในอำเภอเมืองเชียงรายทำงานอยู่คือร้าน 8080 ได้ขอความร่วมมือให้ปิด 14 วัน และร้านที่ผู้ป่วยและเพื่อนพากันไปกินดื่มอีก 3 แห่งได้ให้ความร่วมมือปิด 7 วัน เพื่อเข้าสู่กระบวนการฆ่าเชื้อและทำความสะอาด ซึ่งจากการรายงานต่างๆ พบว่าสามารถควบคุมได้ ดังนั้นหากวันที่ 20 ธันวาคม 2563 นี้เป็นต้นไป ไม่พบการติดเชื้อนอก State Local Quarantine เพิ่มเติมอีก ก็จะถือว่าเชียงรายเข้าสู่ภาวะปลอดภัยได้
นพ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย กล่าวด้วยว่า รายที่ 10 และ 11 ของจังหวัดเชียงราย พบว่าได้ไปตรวจที่คลินิกเอกชน ซึ่งใช้วิธีการตรวจหาแอนติบอดีหรือภูมิคุ้มกัน ซึ่งทางสาธารณสุขไม่แนะนำให้ใช้แล้ว และเมื่อไปตรวจกับสถานพยาบาลของทางราชการ ซึ่งใช้วิธีการแอนติเจนของเชื้อโควิด-19 ปรากฏว่า พบการติดเชื้อดังกล่าว นอกจากนี้กรณีนี้ทางคลินิกจะต้องแจ้งให้ทางสาธารณสุขได้รับทราบ แต่กลับไม่มีการแจ้ง ดังนั้นจึงจะเร่งทำความเข้าใจกับคลินิกแห่งนี้ และเร่งประชาสัมพันธ์ว่า การตรวจที่ถูกนั้นต้องตรวจทางโพรงจมูก ทั้งนี้ ให้แจ้งทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ปฏิบัติเพื่อความมั่นใจในความแม่นยำด้วย
อย่างไรก็ตาม ต้องสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการพบผู้ติดโควิด-19 ที่รักษาตัวในจังหวัดเชียงรายด้วยว่า ได้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม นั่นคือ กลุ่มที่เข้ามาโดยการประสานคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมาระดับท้องถิ่น หรือ TBC จะเป็นกลุ่มที่ไม่มีประวัติการเดินทางในประเทศ และเข้ากระบวนการกักตัวใน State Local Quarantine ของสาธารณสุข ซึ่งมีจำนวน 5 ราย จาก 11 รายที่พบ ที่เหลือเป็นกลุ่มที่ลักลอบเข้ามาโดยผิดกฎหมาย 5 ราย และคนใกล้ชิดในจังหวัดอีก 1 รายที่มีประวัติเดินทางในจังหวัด แต่ยังอยู่ในวงเดียวกัน ซึ่งสาธารณสุขจะเร่งดำเนินการสอบสวนโรคหาผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงต่อไป
ด้าน นพ.สมศักดิ์ อุทัยพิบูลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยทั้งหมดที่อยู่ในการดูแลที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ไม่ปรากฏอาการเลย 3 ราย ส่วนอีก 8 รายมีอาการเล็กน้อย ซึ่งแนวทางการรักษาคือให้ยาต้านไวรัสกับผู้ที่มีอาการเป็นเวลานาน 5 วัน และดูอาการต่อไปอีก 10 วัน ปัจจุบันผู้ป่วยรายแรกจะครบกำหนดการรักษาและสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการออกจากโรงพยาบาลต่อไป
ขณะที่รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทานได้ให้บริการตรวจหาโควิด-19 แก่ประชาชนภายในสิงห์ปาร์ค อำเภอเมืองเชียงราย และที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงราย นอกจากนี้ยังคงประจำอยู่ที่ชายแดนสะพาน 2 อำเภอแม่สาย รวมทั้งหมด 3 คัน พบว่ามีประชาชนพากันไปตรวจเป็นจำนวนมาก ซึ่งรถแต่ละคันสามารถรับตรวจได้วันละ 300 ราย นอกจากนี้โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์ อำเภอเมืองเชียงราย ยังได้รับตรวจอีกวันละ 200 รายด้วย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 2-4 ธันวาคม 2563 ได้มีผู้ไปตรวจหาโควิด-19 แล้วจำนวน 2,121 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีความกังวลใจ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับกิจกรรมของผู้ติดเชื้อ เช่น เที่ยวงานเทศกาล สถานบันเทิง ฯลฯ ซึ่งผลล่าสุดพบเป็นลบจำนวน 1,474 ราย และรอผลตรวจจำนวน 647 ราย กระนั้นจังหวัดเชียงรายยังขอให้รถชีวนิรภัยพระราชทานยังคงประจำตรวจหาเชื้ออยู่ในพื้นที่ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับประชาชนอีกด้วย
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล