เกิดอะไรขึ้น:
วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) ได้เปิดเผยเป้าหมายปี 2564 โดยตั้งเป้ารายได้ปี 2564 เติบโตตัวเลขสองหลัก (เทียบกับปี 2563 ที่เติบโต 5%YoY) โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแหล่งรายได้ใหม่จากบริการบริหารโรงพยาบาล
นอกจากนี้ CHG ยังได้ทำสัญญาความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชนในการบริหารโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพัทยา (สัญญา 1 ปี เริ่มเดือนมกราคม 2564) และศูนย์การแพทย์แห่งหนึ่งที่เกาะล้าน (สัญญา 2 ปี เริ่มเดือนตุลาคม 2563) โดย CHG จะได้รับค่าตอบแทนการบริหารคงที่ประมาณ 25 ล้านบาทต่อเดือน และต้องให้การสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์เพื่อดำเนินการโรงพยาบาลดังกล่าว ซึ่งกำไรในส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับการบริหารต้นทุน
รวมถึง CHG ได้ลงนามสัญญา 3 ปีกับโรงพยาบาลสิรินธร เพื่อให้บริการศูนย์โรคหัวใจ มูลค่าสัญญาทั้งหมดอยู่ที่ 450 ล้านบาท และรายได้ของ CHG จะอิงกับผู้ป่วยที่เข้าใช้บริการ โดยจะเริ่มให้บริการเดือนเมษายน 2564
CHG มี 2 โครงการใหม่ที่รอดำเนินการได้แก่ 1. โรงพยาบาลศูนย์มะเร็งและรังสีรักษาสุวรรณภูมิ เป็นศูนย์มะเร็งขนาด 10 เตียง ใช้งบลงทุน 200 ล้านบาท จะเปิดให้บริการในปี 2565 และ 2. โรงพยาบาลจุฬารัตน์ แม่สอด อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นการปรับปรุงโครงการเดิมให้เป็นโรงพยาบาลขนาด 100 เตียง โดยใช้เงินลงทุน 600 ล้านบาท และจะเปิดให้บริการช่วงกลางปี 2565-2566
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (8 มีนาคม 2564) ราคาหุ้น CHG ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.85%DoD สู่ระดับ 2.70 บาท เทียบกับ SET Index ที่ปรับตัวลง 0.35 จุดหรือลดลง 0.02%DoD สู่ระดับ 1,543.76 จุด
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่าแนวโน้มกำไร 1Q64 ของ CHG จะเติบโต YoY จากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงพยาบาล 2 แห่ง (โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 อินเตอร์ และโรงพยาบาลรวมแพทย์ฉะเชิงเทรา) แต่จะอยู่ในระดับทรงตัง QoQ เนื่องจากรายได้เพิ่มเติมจากบริการบริหารโรงพยาบาลอาจจะถูกหักล้างด้วยปริมาณผู้ป่วยที่ลดลงในเดือนมกราคม เพราะได้รับผลกระทบจากการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ในประเทศไทย
ขณะที่แนวโน้มกำไร 2Q64 จะยังคงเติบโต YoY จากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงพยาบาล 2 แห่งดังกล่าว แต่กำไรจะลดลง QoQ เนื่องจากปัจจัยฤดูกาล
มุมมองระยะยาว:
สำหรับแนวโน้มกำไรปี 2564 ของ CHG SCBS คาดว่าจะเติบโต 4%YoY โดยคาดว่ารายได้ปี 2564 จะเติบโต 18% เพื่อสะท้อนรายได้เพิ่มเติมจากการบริการบริหารโรงพยาบาล โดยใช้สมมติฐานอัตรากำไรสุทธิ 15% ของการให้บริการบริหารโรงพยาบาล ทั้งนี้ หาก CHG มีการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีการทำสัญญาบริหารโรงพยาบาลเพิ่มเติม จะเป็น Upside ให้กับประมาณการผลประกอบการในปี 2564
สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตาในปี 2564 คือทิศทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากผลกระทบของโควิด-19 ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยเลื่อนเข้ารับการตรวจรักษาโรคที่ไม่ร้ายแรงออกไป รวมถึงจำนวนผู้ในระบบประกันสังคมที่ลดลง
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์