×

เชตวันเปิดงบรถนายทหารระดับสูง 240 ล้าน มากกว่างบยุทโธปกรณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้อุปกรณ์จำเป็นทหารชั้นผู้น้อย ต้องพึ่งรับบริจาค

โดย THE STANDARD TEAM
14.08.2025
  • LOADING...
งบรถนายทหาร

วานนี้ (13 สิงหาคม) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระที่ 2-3 วงเงิน 3,780,600 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม ซึ่งเป็นการพิจารณาเป็นรายมาตรา (วาระ 2) เป็นวันแรก

 

เชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน ร่วมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2569 วาระ 2 ในมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม โดยตั้งข้อสังเกตงบประมาณที่ใช้ไปกับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนรถประจำตำแหน่งของนายทหาร กับงบประมาณที่กองทัพใช้ไปกับการจัดซื้อหายุทโธปกรณ์เพื่อดูแลสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ของกองทัพบก

 

เชตวันระบุว่า เรื่องรถประจำตำแหน่ง สำหรับทหารระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ปลัดกระทรวง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงนั้น พอที่จะเข้าใจได้ ท่านมีภารกิจเยอะแยะมากมาย ต้องเดินทางไปนั่นมานี่ เพื่อความสะดวกก็ต้องมีรถ มีคนขับ โดยในอดีตมีรถประจำตำแหน่งให้กับระดับปลัดกระทรวง อธิบดี รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเทียบเท่ากับอธิบดี ต่อมารัฐราชการก็เติบโตขยายใหญ่ เพิ่มรถประจำตำแหน่งให้กับระดับรองอธิบดีด้วย

 

ลำพังในส่วนราชการ กระทรวงต่างๆ 20 กระทรวง มีปลัดกระทรวงละ 1 คน มีอธิบดีและรองอธิบดีแต่ละกรม รวมแล้วก็น่าจะอยู่ที่ราวๆ 200 คน แต่ปัญหาอยู่ที่พอไปเทียบกับกองทัพ ปริมาณคนที่จะได้รถประจำตำแหน่งจะเยอะมาก คือ ตำแหน่งพลโทและพลเอก เทียบเท่าปลัดกระทรวง, ตำแหน่งพลตรี เทียบเท่าอธิบดี และตำแหน่งพันเอกพิเศษ เทียบเท่ารองอธิบดี

 

ในส่วนของนายทหารระดับพันเอกพิเศษที่มีตำแหน่งเทียบเท่าระดับรองเจ้ากรม นั้น แต่ละเหล่าทัพทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กองบัญชาการกองทัพไทย สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม มีอยู่เยอะมาก ห่างกันลิบลับกับส่วนราชการทั่วไป

 

จำนวนนายทหาร รวมถึงข้าราชการที่อยู่ในชั้นที่จะได้รถประจำตำแหน่งนั้น ในช่วงอดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งก็เห็นว่าเป็นภาระ ที่รัฐต้องซ่อมรถเหล่านี้ให้ท่านๆ เหล่านั้นด้วย จึงมีการปรับเปลี่ยนเป็นค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถยนต์ประจำตำแหน่ง คือไม่ต้องเอารถประจำตำแหน่งแล้ว เอาเงินแต่ละเดือนไปเลย โดยอัตราคือ พลโท – พลเอก จำนวน 41,000 บาท, พล.ต. 31,800 บาท และพันเอก พิเศษ 25,400 บาท

 

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ ปี 2569 เฉพาะของกองทัพบก มีรายการค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถยนต์ประจำตำแหน่ง จำนวน 240,393,600 บาท ยอดนี้มาจากจำนวนนายทหาร และแต่ละระดับชั้นรวม 694 นาย ซึ่งโครงการนี้ในเอกสารระบุผลที่คาดว่าจะได้รับ คือ กำลังพล ทบ. ได้รับสิทธิกำลังพลขั้นพื้นฐานตามระเบียบของกระทรวงการคลัง ซึ่งตรงนี้ไม่เถียง หากแต่ระเบียบที่เป็นอภิสิทธิ์แบบนี้มันแก้ไขได้ ยิ่งในสถานการณ์บ้านเมืองที่มีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาแบบนี้ด้วย ไม่ละอายใจเลยเหรอ

 

เนื่องจาก ถ้าเราไปเทียบกับการจัดหายุทโธปกรณ์เพื่อใช้ในภารกิจป้องกันชายแดนของกองทัพบกนั้น จัดงบประมาณน้อยกว่าค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถยนต์ประจำตำแหน่งเสียอีก ใช้เงิน 150 ล้าน จากการจัดหาเพียงแค่ 3 รายการ คือ ระบบโดรนตรวจตรา 1 ระบบ ใช้ที่ผามออีแดง ปราสาทพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ, อีก 1 ระบบ ใช้ที่ปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ และมีระบบบัญชาการอีก 1 ระบบ ที่กองบัญชาการกองทัพบก คำถามคือแค่อย่างละ 1 ระบบเองหรือในสถานการณ์เช่นนี้

 

หรือแม้แต่โครงการจัดหาสิ่งอุปกรณ์ของหน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด กรมสรรพาวุธ ที่จะทำให้ทหารชั้นผู้น้อยไม่ต้องไปเสี่ยงภัย ก็จัดหาหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิดแค่ชุดเดียว เครื่องเอกซเรย์แบบเคลื่อนที่ ควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ ก็จัดหาแค่ 1 เครื่อง

 

เชตวัน กล่าวต่อว่า ยิ่งได้มาเห็นข่าวรับบริจาคด้วยแล้ว ตนรู้สึกว่ามันคือชีวิตที่เป็นขั้วตรงข้ามกันเลยของทหารระดับสูง กับ ทหารชั้นผู้น้อย ซึ่งรถหรู-ค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนรถหรู เป็นสิ่งที่รัฐจัดสรรให้นาย ส่วนข้าวของ อุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ ที่ทหารชั้นผู้น้อยจำเป็นต้องใช้ เป็นสิ่งที่ต้องเปิดรับบริจาค อย่างที่เป็นข่าวเป็นคราวล่าสุด กรณีของลวดหนามหีบเพลง หลังจากมีดรามาเรื่องรับบริจาค กองทัพบกก็ออกมาชี้แจงว่ามีเงินมีงบฯ แต่เพราะความจำเป็นเร่งด่วนทันที ก็เลยต้องขอรับการสนับสนุน

 

จากคำชี้แจงนี้ ก็เข้าเงื่อนไขจัดซื้อเร่งด่วนได้ ถ้ามูลค่าไม่ถึง 5 แสนบาท ก็ใช้วิธีเฉพาะเจาะจงได้เลย ส่วนเรื่องงบประมาณ โดยปกติหน่วยงานก็มีงบฯ กลาง มีงบฯ ฉุกเฉินอยู่แล้ว นำมาใช้ได้ แต่ที่เห็นรับบริจาคอยู่นี้ คืออะไรกัน เป็นที่น่าอนาถามาก เราจะอยู่กันแบบนี้จริงหรือ ตนยืนยันว่าค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนรถประจำตำแหน่งนั้น สามารถตัดออกได้อีก

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising