×

ตำรวจเปิดหลักฐานเหตุไฟไหม้โกดังเก็บกากสารเคมี จ.ระยอง-อยุธยา ทั้งหมดเชื่อมโยงกับคดีลักลอบขุดฝังทิ้งสารเคมีที่ จ.เพชรบูรณ์

โดย THE STANDARD TEAM
11.07.2024
  • LOADING...
เหตุไฟไหม้โกดังเก็บกากสารเคมี

วันนี้ (11 กรกฎาคม) พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบช.สพฐ.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีกรณีเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรม บริษัท วิน โพรเสส จำกัด อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง และคดีเพลิงไหม้โกดังเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรม (วัตถุเคมีอันตราย) ของบริษัท เอกอุทัย จำกัด อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

 

ซึ่งจากการประชุมติดตามความคืบหน้า เจ้าหน้าที่พบว่าเหตุเพลิงไหม้ทั้ง 2 ที่มีหลักฐานเชื่อมโยงกัน โดยมีกลุ่มบุคคลของบริษัท เอกอุทัย จำกัด อยู่เบื้องหลัง ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบพยานที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีต่อไป

 

สำหรับเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรมของบริษัท เอกอุทัย จำกัด ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งเป็นการไหม้โกดังที่ 1-3 จากจำนวน 5 โกดัง และในวันที่ 22 เมษายน 2567 เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรมของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดระยอง

 

และเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เกิดเหตุเพลิงไหม้ซ้ำอีกครั้งที่โกดังเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรมของบริษัท เอกอุทัย จำกัด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเป็นการไหม้รอบที่สองและไหม้โกดังที่ 4-5 จากการสืบสวนพบว่ามีพยานหลักฐานเชื่อมโยงกันทั้ง 3 เหตุการณ์

 

รวมทั้งยังเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเหตุลักลอบขุดฝังและเททิ้งสารเคมีและกากอุตสาหกรรมที่มีการดำเนินคดีโกดังเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรมที่อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์, อำเภออุทัยและอำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอำเภอกลางดง จังหวัดนครราชสีมา

 

พล.ต.ท. ไตรรงค์ กล่าวว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก ทั้งในส่วนของการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง การรวบรวมพยานหลักฐาน การแจ้งข้อกล่าวหา รวมถึงการขอหมายจับผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยปัจจุบันนี้ผู้ต้องหาคนสำคัญได้ถูกจับกุมแล้ว และกำลังสืบสวนสอบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม เช่น ความผิดตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535

 

ในส่วนของคดีที่สถานีตำรวจภูธร (สภ.) กลางดง รับผิดชอบ เป็นการดำเนินคดีกับบริษัท เอกอุทัย จำกัด สาขากลางดง ฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 23 วรรคหนึ่ง อันมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 73 ประกอบมาตรา 87/2 แห่ง พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

นอกจากนั้นยังเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 237 ซึ่งบัญญัติไว้ว่าผู้ใดเอาของที่มีพิษหรือสิ่งอื่นที่เป็นอันตรายแก่สุขภาพเจือลงในอาหารหรือในน้ำซึ่งอยู่ในบ่อ สระ หรือที่ขังน้ำใดๆ และอาหารหรือน้ำนั้นได้มีอยู่หรือจัดไว้เพื่อประชาชนบริโภค ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000-200,000 บาท รวมถึงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 228 และในข้อหาอื่นๆ

 

พล.ต.ท. ไตรรงค์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของคดีในความรับผิดชอบของ สภ.กลางดง นี้ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้ผู้แทนยื่นคำให้การประกอบสำนวนร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนกลางดงไปแล้วเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ในส่วนของพื้นที่อื่นๆ ที่ปรากฏหลักฐานความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังบริษัท เอกอุทัย จำกัด คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนของตำรวจกำลังเร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดีตามกฎหมายที่บัญญัติไว้สูงสุดต่อไป

 

เหตุไฟไหม้โกดังเก็บกากสารเคมี เหตุไฟไหม้โกดังเก็บกากสารเคมี

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising