วานนี้ (17 ตุลาคม) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1095/2565 ที่พนักงานอัยการ โจทก์ และหญิงสาว ผู้เสียหาย เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง ปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลย ความผิดอนาจาร
พฤติการณ์กล่าวหาตามฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2556 จำเลยกระทำอนาจารสัมผัสเนื้อตัวและจูบปากหญิงสาวผู้เสียหาย อายุ 21 ปีเศษ โดยผู้เสียหายนั้นไม่ยินยอม ขณะอยู่ภายในร้านอาหารชั้น 32 ของโรงแรมแห่งหนึ่ง
คำพิพากษาโดยสรุปเห็นว่า นอกจากยังขาดพยานแวดล้อมที่สนับสนุนคำเบิกความของโจทก์ร่วมแล้ว ข้อเท็จจริงที่ปรากฏว่า โจทก์ร่วมยังไปพบกับจำเลยตามลำพังตามที่จำเลยนัดหมายอีก 2 ครั้ง ทำให้คำเบิกความของโจทก์ร่วมมีน้ำหนักลดน้อยลงอีก ประกอบจำเลยให้การปฏิเสธมาโดยตลอด
พยานหลักฐานเท่าที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบมายังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริงหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง พิพากษายกฟ้อง และยกคำร้องขอเรียกค่าสินไหมทดแทนของโจทก์ร่วมด้วย
ก่อนหน้านี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาให้จำคุกปริญญ์ฐานละเมิดทางเพศหญิงสาว 2 ราย รวม 2 คดี จำคุก 2 ปี และ 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา และล่าสุดเมื่อวันที่ 29 กันยายน สั่งจำคุก ปริญญ์ พานิชภักดิ์ อีกคดี 4 ปี รวมขณะนี้ศาลพิพากษาคดีนี้เป็นคดีที่ 5 โดยพิพากษาจำคุกปริญญ์ 3 คดี ยกฟ้อง 2 คดี โดยยังมีคดีอื่นที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอีกหลายคดี ทั้งของศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลอาญา และศาลอื่นๆ