CHANEL และเมืองกราสส์
หลายคนที่เป็นแฟน CHANEL น่าจะทราบดีว่า ดอกไม้ที่นำมาผลิตเป็นน้ำหอมนั้นล้วนมาจากเมืองกราสส์ (Grasse) ซึ่งสถานที่เพาะปลูกดอกไม้ต่างๆ เป็นมรดกตกทอดที่บุกเบิกโดยตระกูลมุล ผู้ที่มีบทบาทอย่างมากในการพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกของกราสส์คือ ฌักส์ โพลช์ ตั้งแต่ในปี 1987 โดยเริ่มจากปลูกจัสมิน และแม้จะเจออุปสรรคมากมาย แต่เขาก็รักษาดินแดนแห่งความหอมนี้เอาไว้ได้ พร้อมกับการพัฒนาคุณภาพของกลิ่นและปริมาณดอกไม้ที่จำเป็นสำหรับการผลิตน้ำหอม CHANEL
ปัจจุบันที่แห่งนี้เป็นแหล่งเพาะปลูกดอกไม้นานาชนิด ซึ่งถือเป็นส่วนผสมหลักของน้ำหอม CHANEL หลายกลิ่น ไม่ว่าจะเป็นจัสมิน แกรนดิฟลอรัม เมย์โรส ไอริส พัลลิดา ทูเบอโรส และเจอเรเนียมโรแสต
รู้จักตระกูลมุล ผู้พิทักษ์สูตรน้ำหอมของ CHANEL
จากความร่วมมือกันระหว่างตระกูลมุลและ CHANEL จากอดีตจนถึงปัจจุบันมีการขยายไปถึงดอกไม้ชนิดอื่นๆ ที่ใช้สำหรับการผลิตน้ำหอมเพิ่มขึ้น มีตั้งแต่ดอกไอริส เจอเรเยียม ทูเบอโรส ซึ่งดอกไม้เหล่านี้ทางสวนดอกไม้ของตระกูลมุลจะสงวนไว้สำหรับการผลิตน้ำหอม CHANEL เท่านั้น
นอกจากตระกูลมุลกับ CHANEL จะผูกปิ่นโตกันไปยาวๆ แล้ว สิ่งที่น่าชื่นชมของการจัดการเพาะปลูกดอกไม้ของตระกูลมุลคือ การให้ความเคารพต่อผืนดินที่เพาะปลูกดอกไม้ โดยเชิดชูแนวคิดด้านความยั่งยืนมาตั้งแต่ยุคที่เทรนด์ Sustain ยังไม่แพร่หลายเช่นทุกวันนี้
การทำสวนอย่างใส่ใจตั้งแต่การเตรียมดินเพาะปลูก ไม่มีการใช้ปุ๋ยเคมีใดๆ แต่จะใช้วิธีที่ไม่เสี่ยงในการทำลายดิน โดยจะเว้นระยะเพื่อพักหน้าดิน โดยจะไม่เพาะปลูกต่อเนื่องกัน เพื่อคงคุณภาพให้ดีที่สุด ทำให้สวนแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังกว่าใครในภูมิภาค
พฤษภาคมคือเดือนที่หอมหวานที่สุดของกุหลาบ
เกร็ดความรู้ที่เราอยากให้แฟนๆ ของน้ำหอม CHANEL รู้จักคือ ทุกๆ เดือนพฤษภาคมจะเป็นเดือนแห่งการเก็บเกี่ยวดอกไม้เพื่อนำมาทำน้ำหอม โดยเฉพาะการเก็บดอกกุหลาบ จะถูกเก็บทุกเช้าในช่วงเดือนพฤษภาคมเท่านั้น เพราะเป็นช่วงเวลาที่กุหลาบจะมีกลิ่นหอมหวานที่สุด โดยดอกกุหลาบ 1 กิโลกรัมจะใช้ดอกไม้ 400 ดอก เกษตรกรผู้เก็บเกี่ยว 1 คนจะเก็บเกี่ยวดอกไม้ได้ 5 กิโลกรัมต่อชั่วโมง จากนั้นจะนำไปชั่งน้ำหนักและเข้าสู่กระบวนแปรรูปต่อไป
นี่เป็นเพียงบางส่วนของเรื่องราวอันแสนพิเศษของ CHANEL และเมืองกราสส์ ที่มีการบ่มเพาะความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน และถ้าใครอยากสัมผัสกับเสน่ห์ความหอมที่เป็นตำนานระดับโลกจากอดีตจนถึงปัจจุบัน อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชมและทดลองกลิ่น CHANEL No.5 ได้ที่เคาน์เตอร์ CHANEL ทุกสาขา