วันนี้ (7 ธันวาคม) พล.ต.ต. จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล (โฆษก บช.น.) กล่าวชี้แจงกรณีจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลว่า เจ้าหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิด 37 คน แบ่งเป็นชาย 6 คน หญิง 31 คน
พล.ต.ต. จิรสันต์กล่าวถึงสาเหตุที่ต้องจับกุมคือ
- ชุมนุมกีดขวางการจราจร ตั้งวางสิ่งของบนพื้นจราจร
- เกรงว่าจะแพร่เชื้อโรค ขอตรวจสอบผู้ชุมนุมก็ไม่ยินยอม
- เจ้าหน้าที่เจรจาหลายครั้งตั้งแต่เริ่มชุมนุมเวลา 15.40 น. เพื่อขอให้ย้ายไปสถานที่อื่นที่จัดเตรียมไว้แต่ก็ไม่ยอมย้าย
- กลุ่มนี้เคยเรียกร้องครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี 2563 รัฐบาลอยู่ระหว่างดำเนินการ และการชุมนุมก็ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างต่อเนื่อง
- การข่าวทราบว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มอื่นเข้ามาร่วม อาจจะทำให้เกิดการใช้ความรุนแรงและก่อความไม่สงบ
- การเข้าจับกุมไม่ใช่สลายการชุมนุม เป็นการเจรจาก่อนเข้าจับกุมผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย ไม่ใช้ความรุนแรง โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) หญิง และหยิบสิ่งของที่กีดขวางออกจากพื้นที่
พล.ต.ต. จิรสันต์ยังกล่าวต่ออีกว่า ทั้ง 6 ข้อเป็นเหตุผลความจำเป็นต้องจับกุมผู้ชุมนุมดำเนินคดี สิ่งที่ยืนยันว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมอื่นจะเข้ามาร่วมและใช้ความรุนแรงนั้น จะเห็นได้ว่าหลังจากนำตัวไปควบคุมที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ถนนวิภาวดีรังสิต มีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบตามไปยิงพลุประทัดที่หน้าสโมสรตำรวจ
“ฉะนั้น ยืนยันได้ว่าในการชุมนุมมีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเข้ามาร่วมการชุมนุมดังกล่าวด้วย เบื้องต้นดำเนินคดีผู้ชุมนุมจะนะตามความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เนื่องจากจัดกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค และความผิดอื่น เช่น กีดขวางการจราจรตามความผิด พ.ร.บ.จราจรฯ เมื่อสอบปากคำแล้วเจ้าหน้าที่จะพิจารณาให้ประกันตัว ส่วนผู้ชุมนุมจะเข้ามาชุมนุมที่เดิมอีกคงต้องประชาสัมพันธ์ว่า หากทำผิดซ้ำจะส่งผลต่อเรื่องการขอถอนประกันตัว หรือจัดหาสถานที่อื่นให้ชุมนุม ถ้าหากผิดกฎหมายตำรวจก็ต้องดำเนินคดี” พล.ต.ต. จิรสันต์กล่าว