วันนี้ (12 กรกฎาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล จักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงบประมาณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมประชุมกับ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรรคเพื่อไทย ถึงประเด็นการใช้งบกลางและโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต
จักรพงษ์กล่าวว่า งบปี 2567 เพิ่งผ่านสภาและเริ่มใช้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีเวลาใช้จ่ายงบเพียงแค่ 4-5 เดือน โดยงบกลางได้มีการใช้จ่ายในการช่วยเหลือประชาชนแล้วหลายโครงการ อาทิ ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค, ช่วยน้ำท่วม-น้ำแล้ง, ค่าน้ำ-ค่าไฟ, สินค้าเกษตร เป็นต้น โดยผลการเบิกจ่ายงบกลาง 11 รายการ ขณะนี้เบิกจ่ายและทำสัญญาแล้ว 70.75% รวม 4.35 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ งบกลางถือว่าเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยประชาชน ซึ่งรัฐบาลไม่ได้มองแค่งบกลางอย่างเดียวที่จะใช้ เพราะหลายโครงการเราให้หลายกระทรวงกับใช้งบของตัวเองก่อนเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด พอปีนี้งบประมาณล่าช้าและมีเวลาทำโครงการเพียงแค่ 4-5 เดือนเท่านั้น ดังนั้นการช่วยเหลือประชาชนไม่ใช่ใช้งบประมาณอย่างเดียว โดยเรามีงบจากภาคการท่องเที่ยวด้วย ซึ่งเราบริหารจัดการได้ ไม่ใช้งบประมาณเลย และทำให้ตัวเลข GDP เพิ่มสูงขึ้น
จักรพงษ์ย้ำว่า เราไม่ต้องใช้งบประมาณอย่างเดียวในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน แต่เราใช้การบริหารจัดการได้ และมีการประเมินแล้วว่า 3-4 เดือนจากนี้จะต้องใช้งบอีกเท่าไร
เมื่อถามว่าต้องใช้งบกลางในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเท่าไร จักรพงษ์เปิดเผยว่า ก็ต้องเตรียม ซึ่งตามที่คาดการณ์ไว้มีประมาณ 4.3 หมื่นล้านบาท และที่เตรียมไว้สำหรับใช้งบกลางกรณีเหตุฉุกเฉินประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท และการนำมาใช้ในโครงการ สำนักงบประมาณคุยกับกฤษฎีกาแล้ว ยืนยันว่าทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย
ส่วนการประชุมรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย จักรพงษ์เปิดเผยว่า นายกฯ สั่งการเรื่องยาเสพติดเป็นพิเศษ เพราะที่ผ่านมาเราจับกุมได้เป็นจำนวนอย่างมาก และนายกฯ กำชับว่าเราจะมีงบมาปราบปรามยาเสพติดได้มากกว่านี้หรือไม่
เมื่อถามว่ามีการฝากความเข้าใจกันเรื่องอื่นหรือไม่ อย่างปุ๋ยคนละครึ่ง จักรพงษ์เปิดเผยว่าไม่มี เพราะเราคุยกันมาตั้งแต่แรก เพราะนโยบายปุ๋ยคนละครึ่งเราทำให้ประชาชน