วันนี้ (18 พฤศจิกายน) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ หรือ เชน ธนา พร้อมด้วย กณิการ์ ภูศรี ภรรยา เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกครั้งที่ 2 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในฐานความผิดฉ้อโกง กรณีถูกบริษัทแห่งหนึ่งแจ้งความเอาผิดเงินค่าผลิตสินค้าจำนวน 79 ล้านบาท โดยตำรวจไม่มีการควบคุมตัว เนื่องจากธนาตรัยฉัตรและกณิการ์มาตามหมายเรียก และนัดหมายอีกครั้งในวันที่ 26 พฤศจิกายน
ธนาตรัยฉัตรเปิดเผยว่า วันนี้มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก เบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากสินค้าทั้งหมดยังมีอยู่และตนเองไม่ได้นำไปขาย เดิมทีคดีนี้พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากมองว่าเป็นคดีแพ่งเป็นเรื่องทางธุรกิจ หากศาลแพ่งมองว่าผิดตนเองที่เป็นหนี้ยินดีที่จะจ่าย
แต่ต่อมาทางอัยการกลับมีความเห็นสั่งให้ฟ้องในข้อหาฉ้อโกง ซึ่งเป็นคดีความอาญา พนักงานสอบสวนจึงเรียกให้ตนเองมาเข้าพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ยอมรับว่าตกใจที่เรื่องนี้กลายเป็นคดีอาญา โดยหลังจากนี้จะทำตามขั้นตอนและนำพยานมาให้การยืนยันสนับสนุนว่าไม่ได้มีเจตนาฉ้อโกง
จุดเริ่มต้นเรื่องนี้คือตนเองสั่งสินค้าจากบริษัทผู้เสียหาย ซึ่งสินค้ามีทั้งหมด 2 ล็อต ล็อตแรกขายดี แต่เพียง 7 วันหลังจากรับสินค้าได้รับแจ้งจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่าสินค้ามีปัญหาในการขออนุญาตโฆษณา กล่องผลิตภัณฑ์ไม่สามารถนำไปโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ที่ซื้อไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางโทรทัศน์หรือป้ายบิลบอร์ด
ทำให้บริษัทตนเองต้องเรียกสินค้าคืนทั้งหมด นอกจากนี้ สินค้าไม่ได้เป็นไปตามที่ตกลงไว้ คือ เนื้อผลิตภัณฑ์ต้องเป็นสีเหลือง แต่ของที่ได้รับกลับเป็นสีส้ม ซึ่งตนเองไม่ได้มองว่าของไม่ได้คุณภาพ แต่สินค้าไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันจึงไม่ได้นำไปขาย ทุกชิ้นยังคงอยู่ที่โกดังสำนักงาน มูลค่าความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท
ในช่วงหนึ่งของการแถลงข่าวธนาตรัยฉัตรกล่าวทั้งน้ำตาว่า ส่วนหนึ่งที่การขออนุญาตโฆษณามีปัญหา เพราะมีบุคคลหนึ่งแนะนำกับตนเองว่าให้โฆษณาเกินจริงไปเลย แล้วเดี๋ยวจะจ่ายค่าปรับให้ แต่มันทำไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ อย. ตรวจสอบ ซึ่งข้อมูลตรงนี้ตนเองส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว
พร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมาตนเองเป็นหนี้มาตั้งแต่ปี 2564 ก็ทำงานหาเงินใช้หนี้มาโดยตลอด ซึ่งบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ตนเองเอาทั้งชีวิตใส่ไปแล้ว หากอมาโด้ตายตนเองก็ตายไปด้วย และจะไม่อนุญาตให้ตนเองมีความสุขถ้ายังใช้หนี้ไม่หมด ยอมรับว่าเครียด มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธุรกิจ เป็นคดีแพ่ง ไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวมากดดันกัน และตนเองเป็นลูกหนี้ที่ดีก็ควรได้รับความยุติธรรม
เมื่อถามว่า เตรียมใจแล้วหรือไม่ว่าคดีนี้เป็นคดีอาญาฐานฉ้อโกง ธนาตรัยฉัตรกล่าวว่า เชื่อว่าตนเองมีพยานหลักฐานแน่นพอ มีสัญญาซื้อขาย ส่วนที่เลื่อนหมายเรียกมาหลายครั้งเพราะได้รับหมายกะทันหัน รวมทั้งต้องไปขอคัดเอกสารจากบริษัท เพราะเป็นคดีนิติบุคคล