×

ทวนอดีต มองอนาคต 4 ปี คสช. กับ ชัยเกษม นิติสิริ หัวหน้าฝ่ายเจรจาเพื่อไทย ก่อนถูกยึดอำนาจ

21.05.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

10 MINS READ
  • ชัยเกษม นิติสิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อดีตอัยการสูงสุดที่มาร่วมงานการเมืองกับเพื่อไทย มอง 4 ปีของรัฐบาล คสช. ที่ผ่านมาว่า แม้ความสงบในแง่ความมั่นคงจะมี แต่แท้จริงแล้วไม่ได้สงบจริง เสรีภาพยังคงถูกกด และประชาชนยังมีปัญหาปากท้องอยู่มาก จึงเห็นว่า คสช. อยู่มานานเกินพอแล้ว
  • ในพรรคเพื่อไทยที่ยังหาหัวหน้าไม่ได้ ชัยเกษมบอกว่า คนที่จะมาทำหน้าที่นี้ เป็นใครก็ได้ที่เป็นคนดี ทำเพื่อชาติ เพื่อประชาชน และอย่างน้อยขึ้นมาแล้วในพรรคต้องได้รับการยอมรับ ไม่ว่าจะใครก็ได้ ผู้หญิงผู้ชายได้ทั้งหมด
  • ขณะที่มองตัวเองถึงการตัดสินใจมาทำงานการเมืองว่าไม่รู้สึกเสียใจ แม้มีต้นทุนที่ต้องจ่าย และหากมีแรงก็จะขอทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน แต่ถ้าต้องออกจากการเมืองในวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่มีอะไรค้างคา

4 ปีที่แล้ว ของขวัญชิ้นแรกที่ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับจาก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในวงเจรจาคู่ขัดแย้ง 7 ฝ่ายเพื่อหาทางออกจากวิกฤตทางการเมืองก็คือ การประกาศยึดอำนาจและควบคุมตัวเขาไปยังค่ายทหาร

 

4 ปีต่อมา ของขวัญชิ้นล่าสุดที่ชัยเกษมได้รับจาก ‘คณะรักษาความสงบแห่งชาติ’ หรือ คสช. ที่ประกาศยึดอำนาจรัฐบาลที่เขาร่วมบริหารคือ การถูกแจ้งความ 4 ข้อหา หลังร่วมกับแกนนำเพื่อไทย จัดแถลงข่าวครบรอบ 4 ปี คสช. นำประเทศสู่ความมืดมน

 

ชัยเกษมในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในวงเจราจาเมื่อ 4 ปีที่แล้วถือว่าเป็นนักการเมืองคนท้ายๆ ที่ได้สนทนากับ พล.อ. ประยุทธ์​ ก่อนเขาจะมีชะตากรรมอย่างวันนี้

 

ในโอกาสครบรอบ 4 ปีที่ คสช. เข้าบริหารประเทศ ซึ่งเป็นห้วงเวลาเดียวกับวาระของรัฐบาลเลือกตั้ง THE STANDARD สนทนากับชัยเกษม ผู้เป็นอดีตอัยการสูงสุด ถึงทิศทางบ้านเมือง อนาคตพรรคเพื่อไทย และอนาคตของตัวเขาเอง เพราะด้วยสถานะดังกล่าว หากไม่กระโดดมาลงสนามการเมืองก็คงเกษียณอยู่อย่างสุขสบายได้

 

ผมขาดความเชื่อมั่นต่อกองทัพมาตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ เพราะว่าทหารอยู่ภายใต้รัฐบาลแต่ไม่ทำตามที่รัฐขอร้องเลย ทำให้เหมือนมีจุดประสงค์แอบแฝงอยู่ในใจ และ ณ วันนั้นเหมือนมีการเตรียมการปฏิวัติล่วงหน้ามาแล้ว

 

ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว มีกระแสหนึ่งที่เรียกร้องให้ ‘นักการเมือง’ ต้องเสียสละตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง คิดอย่างไร ทำไมเวลานั้นไม่ลาออก

หลังจากที่ร่วมประชุมกับฝ่ายทหารอยู่วันสองวันแล้วเราก็กลับมาคุยถึงจุดยืนว่าเราจะเอาอย่างไร ท่านพงศ์เทพ (พงศ์เทพ เทพกาญจนา) จริงๆ แล้วต้องเป็นหัวหน้า แต่ท่านติดภารกิจ ทางฝ่ายทหารเขาก็อยากให้เราลาออก เราดูข้อกฎหมายแล้วเราลาออกไม่ได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่าต้องรักษาการจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่

 

ถ้าสมมติว่าวันนั้นผมและคณะตัดสินใจลาออก สิ่งที่จะตามมาก็คือต้องมีคนแจ้งความดำเนินคดีนะครับ อาจเป็นตัวผมหรือรัฐบาลด้วยซ้ำ ผมจึงคิดว่า ณ ตอนนั้นทหารบังคับในสิ่งที่เราไม่สามารถจะทำได้เพราะผิดหลักการรัฐธรรมนูญ แล้วตามหลักประชาธิปไตยเราต้องทำตามรัฐธรรมนูญนะครับ จะโอนเอียงไม่ได้ ต้องเรียนว่าตอนนั้นการเลือกตั้งเหลือไม่กี่หน่วย ถ้าทหารเข้าควบคุมดูแลให้มีความสงบเรียบร้อยมันก็จบ บ้านเมืองก็ไม่ต้องเป็นแบบทุกวันนี้

 

ทำให้ผมต้องเรียนว่า ผมขาดความเชื่อมั่นต่อกองทัพมาตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ เพราะว่าทหารอยู่ภายใต้รัฐบาลแต่ไม่ทำตามที่รัฐขอร้องเลย ทำให้เหมือนมีจุดประสงค์แอบแฝงอยู่ในใจ และ ณ วันนั้นเหมือนมีการเตรียมการปฏิวัติล่วงหน้ามาแล้ว อีกเรื่องคือการที่ทหารต้องการดูแลความสงบแล้วเชิญพวกผม แล้วก็มาจับพวกผม

 

ในเวลานั้นรัฐบาลมีการสั่งการ ‘กองทัพ’ ให้ทำหน้าที่อย่างไรบ้าง

ยืนยันและสั่งการตลอดครับ แต่ว่าเกิดอาการดื้อไม่ฟัง สาเหตุมาจากการที่เขามีอำนาจอยู่ในมือ มีกำลังคนอยู่ในมือ มีกำลังอาวุธอยู่ในมือ ถ้าเป็นลักษณะนี้ผมมองว่ารัฐบาลพลเรือนไม่มีใครที่สามารถต้านการปฏิวัติรัฐประหารได้ และผมคิดว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วนไม่ได้หรอก มันต้องมีการเตรียมการและเราก็เห็นว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียว แต่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ตลอด เหมือนหมดไปนานแล้วแต่ก็เกิดขึ้นอีกเป็นวงจร

 

ผมมองว่าด้วยลักษณะของกฎหมายที่เอาผิดเรื่องการทำปฏิวัตินั้น เป็นแบบถ้าใครทำไม่สำเร็จก็เป็นกบฏ แต่ถ้าใครทำสำเร็จชนะก็ถือเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งในปัจจุบันแบบนี้ผมรับไม่ได้นะ ตอนที่เราไม่รู้จะต้านอย่างไรอาจจะรับได้ ถ้าสังเกตในต่างประเทศ หลายๆ ประเทศที่มีการรัฐประหาร ถึงเขาชนะแต่ถ้าลงตำแหน่งแล้วยังมีศาลที่รับฟ้อง แล้วถ้าศาลตัดสินว่าสิ่งที่คุณทำมันผิดนะ มันคือการกบฏ การทำลายประชาธิปไตย คุณก็โดนลงโทษ ถ้าเป็นแบบนี้ผมเชื่อว่าการรัฐประหารจะหายไปจากประเทศ

 

ตลอดเวลาที่ทหารขึ้นมา กระบวนการยุติธรรมจะเอื้ออำนวยต่อทหารทั้งสิ้น เพราะว่าในแต่ละครั้งที่มีการรัฐประหารก็มีคนได้รับผลประโยชน์อยู่ตลอด พอมันเป็นแบบนี้ผมก็เลยคิดว่าสำหรับประเทศไทยคงยากครับ

 

ไม่ใช่ว่าผมให้คะแนนเต็มหรืออะไรนะ เพียงแต่พอรับได้อยู่บ้างก็เป็นเรื่องของความสงบและความมั่นคง เพราะแน่นอนเมื่อมีอำนาจทางการทหาร คุณถูกกดด้วยกำลังคนและอาวุธ ไม่มีใครออกมายิงกันกลางถนนหรอกครับ

 

4 ปีที่ผ่านมามองผลงานของ ‘คสช.’ เป็นอย่างไรบ้าง

ถ้าที่เห็นผลงานแล้วพอจะรับได้อยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าผมให้คะแนนเต็มหรืออะไรนะ เพียงแต่พอรับได้อยู่บ้างก็เป็นเรื่องของความสงบและความมั่นคง เพราะแน่นอนเมื่อมีอำนาจทางการทหาร คุณถูกกดด้วยกำลังคนและอาวุธ ไม่มีใครออกมายิงกันกลางถนนหรอกครับ

 

แต่สิ่งที่เสียไปก็คือสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพราะถึงแม้จะมีรัฐธรรมนูญแต่ก็ยังมี มาตรา 44 อยู่ ยังใช้องค์ประกอบอะไรที่เหมือนช่วงการปฏิวัติอยู่ มันก็ทำให้ประชาชนถูกลดสิทธิเสรีภาพ รัฐก็ขาดการตรวจสอบจากสังคม ดังนั้นการทำอะไรก็สามารถทำได้ตามอำเภอใจ มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ประสบความสำเร็จหรอก ถึงแม้จะสงบขึ้นแต่ก็สงบขึ้นไม่จริงหรอก คุณมีอำนาจขนาดนี้ลองสังเกตดู คุณก็ไม่สามารถแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ ความมั่นคงทางสังคม เศรษฐกิจผมมองว่าพวกนี้ล้มเหลวครับ

 

4 ปีของ คสช. เป็นเวลาที่เพียงพอหรือยัง

ผมคิดว่า 4 ปีนี่นานเกินพอครับ ผมเห็นว่าที่ผ่านมาหลังการทำรัฐประหารจะมีการวางแผนชัดเจนว่าจะทำอย่างไรต่อและดำเนินการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด พูดได้ว่าต้องมีการตรวจสอบรัฐบาลโดยประชาชน ดังนั้นประชาธิปไตยถึงแม้ไม่ดีพร้อมแต่ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ถึงคุณจะอ้างความปรองดองก็ยังไม่เกิดความปรองดอง อ้างเรื่องการทุจริตทุกวันนี้คอร์รัปชันก็ยังเต็มไปหมด ดังนั้นทุกอย่างต้องถูกตรวจสอบได้ครับ ไม่อย่างนั้นก็เป็นที่สงสัยของประชาชน

 

4 ปีที่ผ่านมามองบทบาททางการเมืองของ พล.อ. ประยุทธ์ อย่างไร

ผมมองดูตอนแรกท่านอาจจะวางตัวเองไว้อยู่ข้างๆ การเมือง อาจจะมองว่าการเมืองนั้นไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ แต่พออยู่จริงๆ แล้วก็เริ่มติดกับผลประโยชน์ แต่ก็อยู่ในสถานะนี้ตลอดไปไม่ได้หรอกครับ พออยู่ตลอดไปไม่ได้ก็ต้องเตรียมตัวเองเพื่อเป็นนักการเมือง ก็ต้องคิดต้องทำอย่างนักการเมือง แต่ความจริงแล้วยังมีอำนาจ มีสถานะเป็นผู้กุมอำนาจจากการปฏิวัติอยู่ ฉะนั้นก็เลยกลายเป็นนักการเมืองที่ได้เปรียบนักการเมืองฝ่ายอื่น วางกติกาทุกอย่างได้เปรียบตั้งแต่รัฐธรรมนูญ กฎหมายการเลือกตั้ง พรรคการเมือง ทุกอย่างวางหมด เพื่อที่จะทำให้ตัวเองได้มีโอกาสอยู่ต่อ แม้ว่ามีการเลือกตั้งซึ่งผ่านกระบวนการทางประชาธิปไตย แต่การทำแบบนี้ก็เหมือนนักการเมืองทั่วๆ ไปที่ตนได้ตำหนิไว้

 

การปรองดองในกระดาษนั้นแผลในใจมันยังอยู่ ก็คงต้องมีเหลือง มีแดง มีคนเสียชีวิตอะไรกันต่อไป ที่ยังหาความจริงไม่เจอ

 

ช่วงต้นบอกว่าการรัฐประหารเมื่อ 4 ปีที่แล้วทำให้มองทหารแบบขาดความเชื่อมั่น แล้ววิถีของทหารที่จะทำให้กลับมาเชื่อมั่นได้ควรเป็นแบบไหน

สถานะของทหารคือมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งจริงๆ แล้วทหารมีหน้าที่ป้องกันภัยร้ายจากภายนอก แต่บ้านเราทางรัฐบาลที่เป็นฝ่ายบ้านเมืองก็ได้มอบหมายให้มีงานที่เกี่ยวข้องกับงานภายในด้วย ก็เป็นเรื่องของจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่รัฐบาลที่ผ่านๆ มาเห็นความจำเป็น แต่ว่าการที่เข้าไปในลักษณะอย่างนั้น ส่วนตัวผมไม่เคยเห็นด้วยเลย ผมไม่เห็นด้วยกับการมีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. สมัยที่ท่านอภิสิทธิ์รื้อฟื้น กอ.รมน. ผมอยู่ในที่ประชุมด้วย และผมคัดค้านตลอดกับการที่ให้มี กอ.รมน. ทั่วประเทศ เพราะส่วนมากอยู่ในคราบทหาร และในการทำงานทั่วประเทศนั้นสุดท้ายผู้บงการก็คือทหาร ทุกวันนี้ กอ.รมน. มีทั่วประเทศ มีอำนาจเหนือข้าราชการพลเรือน และไม่มีผลงานที่เป็นรูปธรรมต่อประเทศชาติเลย มีแต่ผลงานที่เป็นรูปธรรมต่อทหาร แล้วคนที่ทำประชามติก็เป็นกลุ่มนี้ พลเรือนจะทำประชามติบ้างโดนจับหมด

 

ผมเชื่อนะว่าถ้าเราทำประชามติกันได้ใหม่ ตอนนี้ไม่มีใครเอารัฐธรรมนูญฉบับนี้หรอกแม้แต่คนที่จะเข้ามาปกครองเองก็คงจะพอรู้แล้วว่ารัฐธรรมนูญนี้ทำให้ปกครองได้ยาก ครั้นจะเปลี่ยนแปลงก็ทำได้ยาก เราก็คงต้องทนลำบากกันต่อไป

 

4 ปีที่ผ่านมา คสช. ชู ‘ปรองดอง’ เป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องสร้าง ถึงตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

ผมให้คะแนนศูนย์เลยครับ ไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรมขึ้นมาเลย แล้วตอนที่จะทำการปรองดองเพื่อไทยเองก็ได้เตือนแล้วว่า ที่ท่านทำปรองดองมันไม่เป็นสากลที่เขาทำกัน จะมีก็แค่เอาคนมาคุยๆ กัน แล้วก็คงมีการเซ็นใบปฏิญญาสักใบหนึ่งก็คงจะเป็นความปรองดองในสายตาของผู้ปกครองฝ่ายหทารที่มองมา

 

แต่ว่าในเวลานี้แม้แต่ใบนั้นก็ไม่มี หรือต่อให้มีก็เท่ากับศูนย์ครับ เพราะไม่ได้เป็นการปรองดองอะไรเลย รัฐบาลโดยเฉพาะเพื่อไทยไม่เคยสนับสนุน และต่อให้มีใบนั้นก็คงไม่มีใครไปเซ็น เพราะเรามองว่ามันผิดวิธี แล้วเราก็คาดว่าตัวเขาเองก็คงจะมองเห็นแล้วเช่นกันว่ามันเป็นการเดินผิดวิธี เพราะไม่เกิดอะไรขึ้นมา การปรองดองในกระดาษนั้นแผลในใจมันยังอยู่ ก็คงต้องมีเหลือง มีแดง มีคนเสียชีวิตอะไรกันต่อไป ที่ยังหาความจริงไม่เจอ

 

ผมคิดว่าใครก็ได้ที่เป็นคนดี ทำเพื่อชาติ เพื่อประชาชน และอย่างน้อยขึ้นมาแล้วในพรรคต้องได้รับการยอมรับ ไม่ว่าจะใครก็ได้ ผู้หญิงผู้ชายได้ทั้งหมด

 

4 ปีที่ผ่านมาเพื่อไทยทำอะไรอยู่บ้าง แล้วกำลังจะทำอะไร

ตอนนี้นะครับต้องบอกว่ากติกาไม่อำนวยให้การขยับตัวที่จะทำอะไร ดังนั้นเราก็ทำเท่าที่อยู่ได้ แต่ผมเองมั่นใจว่าเพื่อไทยเป็นพรรคที่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยแน่นอน เราไม่เอากับฝ่ายเผด็จการ และเรายังเป็นพรรคที่เห็นความยากลำบากของประชาชนอยู่มากในการดำรงชีวิต ดังนั้นรัฐยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือโดยเฉพาะประชาชนระดับกลางและระดับรากหญ้า

 

ถึงแม้ว่าจะมีคนบอกว่าเศรษฐกิจดีขึ้นตามที่รัฐบาลอ้างตัวเลข GDP แต่ GDP ไม่ได้เกิดจากคนข้างล่างนะครับ คนข้างล่างคนที่ทำการเกษตร ทำนา ปลูกยาง เขายังลำบากเดือดร้อน ยอดขายตก ราคาตก ซึ่งมันมีแต่ความทุกข์ยาก เกิดปัญหาแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะไปบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ควรจะบอกประชาชนว่าจะช่วยแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อที่ถึงเวลาลูกหลานเปิดเทอมจะได้มีค่าเล่าเรียน ค่าเครื่องแต่งกาย ไม่ต้องเอาเครื่องมือหากินไปจำนำ ไม่ควรจะบอกว่าเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งธรรมดา คิดแบบนี้ไม่ได้

 

เพื่อไทยก็จะพยายามแก้ปัญหาตรงนี้อยู่?

แน่นอนครับ เพราะผมคิดว่าการที่เพื่อไทยชนะใจประชาชนได้ทุกครั้งเนี่ยเป็นเพราะเราเห็นปัญหา และเราพยายามลงมือแก้ปัญหาและทำได้จริงแม้มีติดขัดเพราะมีเรื่องการต่อสู้ทางการเมืองอยู่บ้าง ก็ต้องพยายามแก้ไขความผิดพลาดหรือสิ่งที่ถูกอ้างว่าเป็นความผิดพลาดให้ได้

 

ถ้าทุกคนเห็นแล้วว่าภาพรวมเป็นอย่างไร แล้วประชาชนจะเลือกแบบไหนผมก็โอเคครับ เพื่อไทยจะเป็นฝ่ายค้านผมก็โอเคถ้าจำเป็น

 

ตอนนี้ในพรรคเพื่อไทยมองว่ามีใครพอจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคได้บ้าง

เราไม่สามารถพูดถึงคุณทักษิณได้แล้ว และการที่จะมีคนบุคลิกหรือมันสมองระดับคุณทักษิณ ณ ตอนนี้ก็คงจะยังไม่มีในพรรคเพื่อไทย แต่ว่าผมเชื่อว่าฐานเสียงความเชื่อมั่นของพรรคเพื่อไทยนั้นมาจากการแก้ปัญหาที่ทำงานเป็นทีม และเราก็มีทีมงานเก่งๆ อยู่หลายคนที่มีความสามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้

 

ส่วนตัวเองผมก็ยังไม่รู้ลึกๆ เพราะเข้าพรรคมาได้ไม่นานนัก แต่ก็มีหลายคนที่เก่งซึ่งผมไม่ทราบว่าท่านติดอะไรกันอยู่หรือเปล่า เช่น คดีบางอย่าง เพราะบางทีก็เป็นคดีแปลกๆ อย่างที่ทราบ ผมจึงไม่มั่นใจนัก แต่ผมคิดว่าใครก็ได้ที่เป็นคนดี ทำเพื่อชาติ เพื่อประชาชน และอย่างน้อยขึ้นมาแล้วในพรรคต้องได้รับการยอมรับ ไม่ว่าจะใครก็ได้ ผู้หญิงผู้ชายได้ทั้งหมด

 

บทบาทเพื่อไทยในอนาคตจะไปอย่างไรต่อ

โดยกติกาของรัฐธรรมนูญนี้ถูกดีไซน์ไว้เพื่อที่จะอยู่ต่อ เช่นมี 250 คนอยู่ในมือเพื่อแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี แต่ผมมองว่าถึงแม้จะขึ้นมาได้ก็อยู่ไม่ได้ อย่างที่หลายๆ คนวิเคราะห์ไว้ มันถึงเกิดการรวบรวมพรรคเพื่อหาเสียงนักการเมืองต่างๆ ทำการใช้พลังดึงดูดต่างๆ ชักชวน คือต้องมีเสียงซัพพอร์ต

 

สำหรับเพื่อไทยผมก็คิดว่าเราทำเต็มที่ หากประชาชนเห็นแล้วว่าเลือกเพื่อไทยแล้วจะได้อะไร เลือกอีกฝ่ายจะเจออะไร ประเทศจะไปต่อได้ไหม ตัวคุณจะไปได้ไหม ถ้าทุกคนเห็นแล้วว่าภาพรวมเป็นอย่างไร แล้วประชาชนจะเลือกแบบไหนผมก็โอเคครับ เพื่อไทยจะเป็นฝ่ายค้านผมก็โอเคถ้าจำเป็น

 

คนในกระบวนการยุติธรรมเนี่ย ถ้าครั้งหนึ่งเสียนิสัยไปแล้วมันแก้ยาก อันนี้เป็นตัวหนึ่งที่ผมเป็นห่วงประเทศ ห่วงบ้านเมืองว่าจะแก้กันอย่างไร ใครจะเป็นพระเอกขี่ม้าขาวในเรื่องนี้

 

แล้วถ้า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกล่ะ

มีโอกาสลงถนนอีก เพราะปัจจัยที่ทำให้เกิดการลงถนนนั้นมีสองแนวทางที่ผ่านมา หนึ่งคือมากจากการที่มีคนดัน ยั่วยุปลุกปั่นให้ข้อมูลที่จริงบ้างไม่จริงบ้าง กับอีกอย่างคือการที่ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่เขาไม่สามารถอยู่ได้แล้ว เขาก็ออกมาเอง เพราะฉะนั้นมันก็อาจจะเกิดขึ้นได้

 

แต่อย่างที่ผมว่าไว้ถึงรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ความยากของมันไม่ได้อยู่แค่นักการเมืองเดือดร้อน แม้แต่คนที่จะขึ้นมาเป็นรัฐบาลที่มีคนสนับสนุนเอง หากหาผู้สนับสนุนไม่พอก็อยู่ไม่ได้ ขึ้นมาพรรคเดียวก็เท่านั้นเอง เจอการตรวจสอบ มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วคิดว่าคนอย่างคุณประยุทธ์นี่จะอยู่ได้เหรอ เพราะทุกสิ่งที่คนเขาพูดกันมันมีเค้าความจริงทั้งนั้น แต่ตอนนี้เรายังพูดกันไม่ได้มาก ก็พูดได้แค่ในแนวนักการเมืองบ้างเล็กๆ น้อยๆ มันไม่สะเทือน แต่ถ้าอยู่จริงๆ มันไม่ง่ายนะครับ ถ้าท่านคิดจะอยู่จริงๆ ท่านคงต้องปรับตัวปรับใจ ท่านจะทำหลายๆ อย่างแบบนี้ไม่ได้หรอกถ้าอยู่ในรัฐบาลประชาธิปไตย

 

เรายังมีความหวังกับอนาคตของประเทศนี้ได้อย่างไรบ้าง

ต้องเรียนบอกประชาชนก่อนว่าจริงๆ แล้ว ‘อำนาจ’ เป็นของประชาชนในการเลือกคนที่มาบริหารประเทศ แล้วท่านก็อย่าอยู่เฉยๆ ต้องสังเกตและวิเคราะห์ด้วยว่าใครทำอะไร ว่าอะไรเกิดขึ้นแล้วดีไม่ดีกับประเทศของเรา ทุกวันนี้สื่อก็ได้ช่วยเหลือในด้านนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าสื่อเองก็มีหลายฝ่าย จะบอกว่าตรงไปตรงมาทั้งหมดคงไม่ได้ ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องใช้วิจารณญาณ ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยากสำหรับประเทศไทย

 

ประชาชนส่วนใหญ่ที่มีสิทธิ์มีเสียงยังต้องง่วนกับการทำมาหากิน โดยที่ไม่ได้มีเวลามาดูมาสนใจจริงๆ คนที่สนใจตามจริงๆ จึงมีน้อย เพราะฉะนั้นก็จะเชื่อคนใกล้ตัว หากเรายังมีระบบแบบเก่าๆ อย่างการซื้อเสียงอยู่ แล้วประชาชนยังตัดสินใจเลือกโดยที่ไม่ระวังว่าเงินที่ได้รับจะต้องเลือกคนที่เฮงซวย เลือกคนคอร์รัปชันเข้ามาก็ลำบาก ดังนั้นเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องตื่นตัวและคิดว่าจะทำอย่างไรให้มีประโยชน์ต่อครอบครัวที่สุดในอนาคตครับ

 

ต้องเรียนบอกประชาชนก่อนว่าจริงๆ แล้ว ‘อำนาจ’ เป็นของประชาชนในการเลือกคนที่มาบริหารประเทศ แล้วท่านก็อย่าอยู่เฉยๆ ต้องสังเกตและวิเคราะห์ด้วยว่าใครทำอะไร

 

ถึงวันนี้มองว่าตัวเองคิดถูกหรือผิดที่กระโดดลงมาเล่นในสนามการเมือง

ต้องเรียนว่าแรกเริ่มผมไม่เคยสนใจการเมืองในแง่นักการเมืองเลยนะครับ ผมก็รับราชการตามตำแหน่งงานราชการปกติ ถึงแม้เป็นราชการแต่ต้องยอมรับว่าองค์กรนั้นมีอิสระพอสมควร ก็ไม่ได้เจอกับนักการเมืองมากนัก

 

ผมคิดว่ามันเป็นไปตามชะตาชีวิต ตัวผมเองไม่ได้รู้เรื่องประวัติการเมืองมาก รู้ว่ามีการปฏิวัติ เหตุการณ์เดือนตุลาคมที่ผ่านๆ มาผมก็อยู่ต่างประเทศเรียนหนังสือหรือรับราชการมาตลอด แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีโอกาสเข้ามา ถึงแม้ผมเป็นข้าราชการอยู่ แต่มีคนขอให้มาช่วยรับตำแหน่งตรงนี้ โดยได้สัญญาว่าจะให้อิสระตามดุลยพินิจที่ผมเห็นสมควร แล้วบังเอิญว่าเป็นกระทรวงที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ใดๆ เรียกได้ว่าปัจจัยนี้ทำให้ผมปรับตัวได้ง่ายในการเป็นนักการเมือง แล้วพอแตะอย่างนั้นมันก็มีข้อดีข้อเสียที่แก้ได้ยาก

 

เชื่อไหมว่าการเข้ามาเป็นนักการเมืองจะมีเพื่อนที่ร่วมสถาบันส่วนหนึ่งคล้ายจะกันผมออกจากรุ่นเลย จากตอนแรกๆ ชื่นชม เลี้ยงข้าว พออยู่มานานๆ เขาก็ไม่อยากคุยกับผม เลี้ยงรุ่นก็ยังไม่เชิญ ผมยิ่งคิดว่าคิดกันขนาดนี้แล้วบ้านเมืองมันจะไปอย่างไรล่ะ ถ้าเราไม่รู้จักแยกแยะว่าอะไรคือการเมือง อะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง แต่ผมไม่เสียใจ เพราะผมอยู่ที่ไหนผมก็ทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด แล้วต้องบอกว่าที่ผมยังอยู่เนี่ยเพราะผมสำนึกในบุญคุณของพรรคเพื่อไทยที่ให้โอกาสผม ทางพรรคเองก็ให้เกียรติและดูแลผมดีมาตลอด ผมจึงไม่มีเหตุผลที่จะทิ้งเขาไป

 

ส่วนตัวผมไม่มีปัญหากับเพื่อนพรรคอื่นๆ นะครับ ก็แปลกดี ผมไม่เสียใจถ้าต้องออกจากการเมือง ออกวันนี้ก็ได้ พรุ่งนี้ก็ได้ แต่ผมมองว่าถ้าผมยังทำประโยชน์ให้ประชาชนได้ และยังมีอุดมคติที่ดีในพรรคหลายๆ อย่าง ที่จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้ และไม่ขัดกับอุดมการณ์ของผม มันอาจมีข้อตำหนิบ้างเราก็ต้องมาคุยกันว่าเราจะต้องแก้ไข เพราะเราจะต้องเป็นสถาบันการเมืองที่อยู่นานและประชาชนยอมรับได้

 

แต่ผมไม่เสียใจ เพราะผมอยู่ที่ไหนผมก็ทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด แล้วต้องบอกว่าที่ผมยังอยู่เนี่ยเพราะผมสำนึกในบุญคุณของพรรคเพื่อไทยที่ให้โอกาสผม

 

ในฐานะเป็นคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมมาก่อน มองว่ากระบวนการยุติธรรมในปัจจุบันถูกท้าทายมากขนาดไหนในแง่ความเชื่อมั่นศรัทธา

ผลพวงอันหนึ่งมาจากการปฏิวัติที่อยู่มานาน ด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จแบบนี้มันมีผลต่อข้าราชการทุกหน่วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการพลเรือนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการในองค์กรกระบวนการยุติธรรมหรือองค์กรอิสระ พวกนี้เมื่ออยู่นานๆ สามารถจะมีอิทธิพลที่ไม่มีใครค้านอำนาจได้ แล้วใครจะไม่อยากอยู่กับผู้มีอำนาจล่ะ เพราะผู้มีอำนาจแม้จะในทางราชการก็สามารถนั้นสามารถบันดาลสิ่งที่มีประโยชน์ทั้งส่วนตัวและส่วนรวมได้

 

กระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมา 4 ปีนี่ผมคิดว่าทำให้คนเสียนิสัยมาก ทั้งการแต่งตั้ง โยกย้าย ให้สิทธิ ให้คุณประโยชน์ต่างๆ ซึ่งไม่มีหลักฐานที่ปรากฏชัด แต่ผมอยู่ในวงการผมทราบว่ามีแต่ผมพูดไม่ได้ เพราะผมไม่มีหลักฐาน แล้วคนในกระบวนการยุติธรรมเนี่ย ถ้าครั้งหนึ่งเสียนิสัยไปแล้วมันแก้ยาก อันนี้เป็นตัวหนึ่งที่ผมเป็นห่วงประเทศ ห่วงบ้านเมืองว่าจะแก้กันอย่างไร ใครจะเป็นพระเอกขี่ม้าขาวในเรื่องนี้

 

แต่ถ้าคุณไปถามคนในกระบวนการยุติธรรมเนี่ยจะรู้ว่ามันมีความเสื่อมลงไปมาก เรื่องนี้ต้องช่วยกัน ต้องได้ผู้นำที่ดีไม่ว่าศาล อัยการ ตำรวจ ต้องได้ผู้นำที่ดี ที่ตั้งใจจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในองค์กรตัวเอง รวมถึงรัฐบาลเองก็ต้องมีส่วนร่วมด้วย ไม่ใช่ว่าเอาแต่จะให้งบหรือตัดงบประมาณกับองค์กรที่ตามใจ

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X