วันนี้ (5 มิถุนายน) วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการทำงานแบบบูรณาการระหว่างกรุงเทพมหานคร มณฑลทหารบกที่ 11 และกรมทางหลวง เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก และลดผลกระทบจากภาวะ Rain Bomb หรือฝนตกหนักแบบเฉียบพลัน
โดยครอบคลุมพื้นที่สำคัญ ได้แก่ โครงการท่อลอดระบายน้ำหน้ามณฑลทหารบกที่ 11, แก้มลิงภายใน มทบ.11, สถานีสูบน้ำคลองแยกคลองบางตลาด ใกล้ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ, จุดวัดระดับน้ำหน้าศาลปกครองสูงสุด และแก้มลิงบึงสีกัน บริเวณแจ้งวัฒนะ ซอย 14
รองผู้ว่าฯ วิศณุกล่าวว่า การทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบระหว่างกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้การระบายน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กรมทางหลวงดำเนินการล้างท่อและโครงการ Flood Way จากคลองเปรมประชากรถึงแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงการก่อสร้างท่อลอดระบายน้ำร่วมกับ กทม. ขณะที่มณฑลทหารบกที่ 11 อนุญาตให้ใช้พื้นที่ภายใน มทบ.11 เป็นแก้มลิงรองรับน้ำ และส่งต่อไปยังคลองบางตลาด
นอกจากนี้ สำนักการระบายน้ำ กทม. ยังปรับปรุงสถานีสูบน้ำและก่อสร้างเขื่อนเสริม ทำให้ระยะเวลาในการระบายน้ำลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมที่ใช้เวลา 5-6 ชั่วโมงหลังฝนหยุด ปัจจุบันเหลือเพียง 1 ชั่วโมง ส่งผลให้ถนนแห้งเร็วขึ้น และลดผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้เส้นทาง
แม้จะมีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมในหลายจุด แต่รองผู้ว่าฯ วิศณุยอมรับว่า ถนนช่างอากาศอุทิศ เขตดอนเมือง ยังคงเป็นพื้นที่ที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากยังต้องพึ่งระบบระบายน้ำลงคลองเปรมประชากร และโครงการขยายขนาดท่อยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ทำให้การระบายน้ำยังคงล่าช้า อย่างไรก็ตาม มีการเตรียมแผนบรรเทาและป้องกันไว้แล้วในระดับหนึ่ง
ด้าน พรชัย ศิลารมย์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงกรุงเทพฯ เปิดเผยถึงโครงการระบบ Flood Way ซึ่งเป็นแผนแม่บทในการระบายน้ำจากถนนแจ้งวัฒนะสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีแผนแล้วเสร็จภายในปี 2571 แต่ยอมรับว่ายังมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น สาธารณูปโภคใต้ดินที่ต้องเคลื่อนย้าย และการขยายท่อระบายน้ำบนถนนสายหลักที่อาจกระทบต่อการจราจร จึงต้องใช้แนวทางเสริมควบคู่กันไป เช่น การเพิ่มจุดสูบน้ำ ปรับปรุงคลองสายหลัก และใช้พื้นที่รองรับน้ำชั่วคราวหรือแก้มลิงเพิ่มเติม
รองผู้ว่าฯ วิศณุย้ำว่า ประชาชนในพื้นที่แจ้งวัฒนะก่อนถึงคลองประปา น่าจะสังเกตได้ว่าน้ำระบายได้ดีขึ้นจริงในช่วงฝนตกหนักเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงเป็นห่วงพื้นที่ฝั่งที่ข้ามไปทางนนทบุรี ซึ่งต้องรอโครงการ Flood Way ของกรมทางหลวงที่จะช่วยให้การระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
โดยรวมแล้วระบบบริหารจัดการน้ำบริเวณถนนแจ้งวัฒนะในปัจจุบันมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งโครงการ Flood Way การล้างท่อจากคลองเปรมประชากรถึงแม่น้ำเจ้าพระยา และการก่อสร้างท่อลอดระบายน้ำโดยกรมทางหลวงร่วมกับ กทม. รวมถึงการสนับสนุนพื้นที่แก้มลิง และติดตั้งเครื่องสูบน้ำจาก มทบ.11 ซึ่งช่วยให้การระบายน้ำจากหน้า มทบ.11 ไหลผ่านท่อลอดเข้าสู่บ่อสูบน้ำและแก้มลิง ก่อนส่งต่อไปยังถนนหมายเลข 10 และไหลลงคลองบางตลาดและคลองเปรมประชากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การลงพื้นที่ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างเป็นรูปธรรมผ่านความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยกรุงเทพมหานครมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงจุดอ่อน พัฒนาระบบสาธารณูปโภค และบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรับมือกับฝนตกหนักแบบเฉียบพลันได้ดียิ่งขึ้น
ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังได้ โดยการแจ้งพื้นที่น้ำท่วมขังผ่านแพลตฟอร์ม Traffy Fondue