วันนี้ (13 กันยายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานครว่า ขณะนี้มีปัญหาหนักอยู่จุดเดียวคือเขตลาดกระบัง ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้รับรายงานว่าระดับน้ำลดลงไป 10 เซนติเมตร เหลือ 71 เซนติเมตร ซึ่งได้เปิดประตูระบายน้ำฝั่งลาดกระบัง 1.30 เมตร และเปิดประตูระบายน้ำฝั่งคลองกระทุ่มเสือปลาประมาณ 2 เมตรกว่า เพื่อพยายามผลักดันน้ำมาทางฝั่งประตูระบายน้ำพระโขนงให้มากขึ้น
ในส่วนฝั่งคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ทางกรมชลประทานสูบน้ำออกอย่างต่อเนื่อง และกรมชลประทานได้ไปติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมตรงแม่น้ำบางปะกงด้วย เพราะน้ำเต็มเช่นกัน ซึ่งหากพร่องน้ำฝั่งบางปะกงได้ก็จะช่วยพื้นที่อำเภอเมืองฉะเชิงเทราได้ หากช่วยน้ำบริเวณอำเภอเมืองฉะเชิงเทราได้ ก็จะทำให้สูบน้ำจากลาดกระบังไปลงคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิตได้มากขึ้น
ส่วนด้านใต้ปริมาณน้ำเต็มอยู่ ตอนนี้ได้ประสานทางกองทัพเรือเพื่อขอเรือผลักดันน้ำมาเพิ่ม ขณะที่คลองลาดพร้าวกับคลองเปรมประชากรขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้นมาก เมื่อวานฝนตกลงมาแต่ก็ระบายน้ำได้ภายใน 2-3 ชั่วโมง ทำให้เส้นเลือดฝอยที่ทำไปได้เร็ว แต่ปัญหาหนักยังอยู่ที่คลอง ซึ่งคลองเปรมประชากรระดับน้ำลดลง 20 เซนติเมตร ทำให้เขตดอนเมืองแห้ง เหลือตามซอยย่อยเล็กน้อย
สำหรับระดับน้ำคลองลาดพร้าวต่ำกว่าระดับวิกฤตแล้ว ทำให้ตอนนี้เหลือแค่ช่วงซอยรามอินทรา 39 ซึ่งทางเขตบางเขนมีรายงานว่าเย็นนี้ระดับน้ำน่าจะลดลง ซึ่งถือว่าเป็นไปด้วยดี เหลือที่ยังวิกฤตที่ต้องเร่งดูแลคือเขตลาดกระบัง ถ้าไม่มีฝนเติมลงมามากน่าจะค่อยๆ ลดลง ทั้งนี้ ได้ให้รองปลัด กทม. ดูแลเรื่องค่าเยียวยาความเสียหายด้วย
ช่วงเวลา 15.00 น. วันนี้ กทม. จะรับมอบเครื่องสูบน้ำมาช่วยน้ำท่วมกรุงเทพฯ จาก วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพิ่มเติมอีก 6 เครื่อง จากเดิมที่มีเครื่องของกรมชลประทานติดตั้งไว้บ้างแล้ว 3 เครื่อง โดยจะนำไปติดตั้งบริเวณประตูระบายน้ำพระโขนง
ส่วนกรณีที่ สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า อย่ามัวมุ่งประเด็นที่เส้นเลือดฝอยจนลืมเส้นเลือดใหญ่ ชัชชาติกล่าวว่าเส้นเลือดใหญ่ก็ยังไปได้ ถ้าเส้นเลือดใหญ่ดีแต่เส้นเลือดฝอยไปไม่ถึง ก็ทำให้น้ำไปไม่ถึงอุโมงค์ เหมือนที่ได้พยายามทำตั้งแต่แรกในการลอกท่อ ลอกคูคลอง เพราะต่อให้อุโมงค์ดีแค่ไหน ถ้าน้ำไปไม่ถึงก็ไม่มีประโยชน์ จึงมองว่าทั้งสองระบบต้องไปด้วยกัน เส้นเลือดใหญ่เราก็มีแต่บางทีก็เอื้อมไปไม่ถึง อย่างอุโมงค์ระบายน้ำมีอยู่ตรงถนนพระราม 9 แต่จากคลองลาดพร้าวกว่าจะมาถึงเกือบ 20 กิโลเมตร
ดังนั้น เส้นเลือดใหญ่เข้มแข็งแต่อาจจะเอื้อมไปไม่ถึง เส้นเลือดฝอยก็ต้องเข้มแข็งมาประกอบร่างกันด้วย ดังนั้น หลักการต้องทำให้สมดุลกัน อย่างคลองประเวศบุรีรมย์ ตนเองก็มองว่าเป็นเส้นเลือดฝอยเพราะระยะทางไกลมาก กว่าจะมาถึงเส้นเลือดใหญ่ตรงประตูระบายน้ำพระโขนงกว่า 40 กิโลเมตร ซึ่งจะต้องพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งยืนยันว่า กทม. ทำเต็มที่ทุกอย่าง อาจจะต้องมีการปรับแผนระยะกลางและระยะยาวในการปรับปรุงคุณภาพ และปรับแผนเรื่องอุโมงค์
ชัชชาติย้ำว่า ขอบคุณทุกความเห็นและรับฟังทุกความเห็น อันไหนที่ทำได้ทำ อันไหนทำไม่ได้ก็จะมีคำชี้แจง