วันนี้ (16 มิถุนายน) ที่ห้องประชุมชั้น 8 อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (ดินแดง) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ครั้งที่ 6/2565
ชัชชาติกล่าวภายหลังการประชุมว่า ในการประชุมวันนี้ได้ให้ทุกหน่วยงานนำนโยบายทั้งในส่วนการทำกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคนอิงตามแผน นโยบาย 9 ด้าน 9 ดี และแผนปฏิบัติการ 216 แผนไปปรับใช้ รวมถึงทำตัวชี้วัดและทำรายงานความคืบหน้าของแต่ละแผนงานให้ชัดเจน ว่าแต่ละเดือนมีความคืบหน้าอย่างไรเพื่อให้ประชาชนติดตามได้ พร้อมย้ำหัวใจหลักของการทำงานคือเน้นความโปร่งใส และให้ประชาชนตรวจสอบได้
ส่วนเรื่องปัญหาเศรษฐกิจปากท้องจากผลกระทบของราคาน้ำมัน เงินเฟ้อ และแก๊สที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น ชัชชาติกล่าวว่า กทม. อาจช่วยได้ระดับหนึ่งตามกำลังที่มี เช่น การหาพื้นที่ทำถนนคนเดินเพื่อให้คนเอาของมาขายได้ในแต่ละเขต แต่นโยบายนี้ก็ต้องตรวจสอบว่าไม่ขัดแย้งกับผู้ค้าเดิม และสินค้าต้องมีราคาที่ถูกเพื่อช่วยลดภาระผู้ซื้อด้วย
การจัดสรรจุดหาบเร่แผงลอยต้องมีการจัดสรรในพื้นที่ที่ไม่กระทบกับการเดินเท้า ซึ่งขณะนี้มีจุดที่รออนุมัติอยู่ 30 จุด และจากนี้ขอให้แต่ละเขตไปขอความร่วมมือของเอกชน หรือหน่วยงานรัฐ เพื่อนำพ่อค้าแม่ค้าเข้าไปขายในพื้นที่เพื่อไม่ให้รุกล้ำพื้นที่สาธารณะ ขอให้เป็นเมืองแบ่งปัน
ในประเด็นการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ชัชชาติกล่าวว่าไม่ได้เก็บเพิ่มเติม เป็นการเก็บตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ปัจจุบัน กทม. ยังมีข้อมูลการจัดเก็บไม่ครบถ้วน จึงได้เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่จัดทำฐานข้อมูลในกระบวนการจัดเก็บเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกคน และเก็บภาษีให้ครบถ้วน เมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้นก็สามารถนำมาช่วยเหลือประชาชนในโครงการต่างๆ ได้
ชัชชาติกล่าวถึงกรณีการจัดชุมนุมในที่สาธารณะว่า ได้ให้ความร่วมมือในการดูแลพื้นที่ชุมนุมสาธารณะ และที่ผ่านมายังอยู่ในความเรียบร้อย โดย กทม. เตรียมพร้อมในเรื่องการหาที่ตั้งเพื่อรอการร้องขอในการให้บริการ ทั้ง ทางการแพทย์ และการอำนวยความสะดวกในการบริการต่างๆ และสั่งให้แต่ละเขตเสนอพื้นที่ชุมนุมสาธารณะมา เพราะในอนาคตอาจจะมีการแสดงออกในเรื่องต่างๆ ที่อาจจะไม่ใช่เรื่องทางการเมืองเพียงอย่างเดียว
ชัชชาติกล่าวว่า การออกประกาศการเฝ้าระวังเรื่องกัญชาในโรงเรียน พิจารณาแล้วไม่ได้ขัดแย้งกับกฎหมายใหญ่ ฉะนั้นอย่านำไปโยงการเมือง กทม. มีหน้าที่ต้องดูแลนักเรียนแทนพ่อแม่ เนื่องจากเป็นกลุ่มเปราะบาง ทั้งนี้ ทุกคนเห็นตรงกันว่าโรงเรียนต้องปลอดกัญชา-กัญชง หลังจากนี้จะต้องมีการทำความเข้าใจกับเด็ก เพราะเด็กอาจจะยังเข้าใจไม่ละเอียด โดยครูจะต้องให้คำแนะนำในการสอดแทรกผ่านโปสเตอร์ แผ่นพับ และบุคลากรก็ต้องยึดมั่นว่าอย่าเอากัญชามายุ่งเกี่ยวกับในโรงเรียน อาหารในโรงเรียนห้ามมี รวมถึงอาหารรอบๆ โรงเรียน
ทั้งนี้ กทม. มีเทศกิจหน้าโรงเรียนอยู่แล้ว ก็อาจให้ช่วยตรวจตราร้านค้าโดยรอบโรงเรียนด้วย แต่จะให้ กทม. ไปคุมนอกโรงเรียนเลยเป็นไปได้ยาก เพราะไม่ใช่พื้นที่และอาจจะเกินขอบเขต
ชัชชาติกล่าวต่อในกรณีที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ลดจำนวนรถเมล์ลงว่า กทม. มีข้อจำกัดเพราะไม่ได้มีการให้บริการรถสาธารณะ มีเพียงรถโดยสารด่วนพิเศษ สายสาทร-ราชพฤกษ์ (BRT) เท่านั้น หลังจากนี้จะให้แต่ละเขตไปสำรวจว่าจุดไหนมีปัญหารถเมล์ขาดบ้าง แล้วแจ้งเพื่อเสนอต่อกระทรวงคมนาคม ส่วนรถโดยสารที่อนุมัติในเส้นทางเชื่อมต่อร่มเกล้า ก็ต้องไปดูความคืบหน้าของโครงการ