วันนี้ (28 มิถุนายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) มีหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดเรื่องการแต่งเครื่องแบบลูกเสือและเนตรนารี โดยเห็นว่า การแต่งกายด้วยชุดลูกเสือและเนตรนารีเป็นการปลูกฝังความรัก ความภาคภูมิใจในความเป็นลูกเสือและเนตรนารี ทั้งนี้ หากผู้ปกครองรายใดมีฐานะยากจนขัดสน ไม่สามารถดำเนินการจัดหาชุดลูกเสือและเนตรนารีให้แก่บุตรได้ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้การสนับสนุนช่วยเหลือ หากเกินความสามารถของจังหวัดขอให้แจ้งปลัด มท.
ชัชชาติกล่าวว่า หากเรื่องนี้เป็นคำสั่งก็ต้องทำ ถ้าจะทำก็อย่าให้เป็นภาระประชาชน และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็จะเป็นภาระให้ ซึ่งถ้าให้ กทม. หาก็จะต้องมีงบประมาณมาด้วย ส่วนตนก็เพิ่งไปตัดชุดลูกเสือมาเพราะต้องไปงานชุมนุมลูกเสือ
ทั้งนี้ เข้าใจว่ามีชุดฟรีอยู่แล้ว แต่น่าจะแพงกว่าชุดปกติเพราะมีองค์ประกอบของชุดเยอะ ดังนั้นก็ต้องไปดูรูปแบบที่มันง่ายขึ้น ถ้าองค์ประกอบของชุดแพงก็ไม่จำเป็น เพราะชุดเป็นแค่ส่วนหนึ่ง อยู่ที่การฝึกวินัยและแนวคิดมากกว่า แต่ถ้าเป็นคำสั่งที่ต้องทำแบบนี้ก็ต้องทำตามเพราะเป็นนโยบายมา ส่วนค่าใช้จ่ายก็ต้องดูนโยบาย เพราะถ้าเป็นคำสั่งก็ต้องมีงบประมาณมาให้ด้วย
ทั้งนี้ ชัชชาติมองว่า กทม. มีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของ มท. แต่จะให้ มท. ช่วยจัดหาก็คงไม่ได้ เพราะ มท. ไม่ได้สัมผัสกับเด็ก แต่ กทม. เป็นผู้ดูแลโรงเรียนก็ต้องดูแล
ส่วนการให้ความช่วยเหลือเด็กที่ยากจนขัดสนนั้น ชัชชาติกล่าวว่า จะต้องดูแลเด็กทุกคน ไม่ใช่เลือกดูแล ถ้า มท. เห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่เด็กทุกคนต้องใส่ชุดลูกเสือ ก็ต้องดูแลเด็กทุกคนเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ กรณีที่ผู้ปกครองมีข้อเสนอให้เหลือแค่ผ้าพันคอกับวอกเกิลนั้น กทม. ก็คงต้องเป็นตัวกลางในการพูดคุย หากผู้ปกครองมีความเห็นอย่างไรก็ต้องชี้แจง และเชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องที่หาทางออกได้ และสามารถสำรวจความต้องการใน กทม. ได้ แต่หากให้สำรวจความยากจนขัดสนคงไม่ได้เพราะความไม่มีมันสำรวจยาก และใจตนเองนั้นถ้าจะให้ก็ควรจะต้องให้ทุกคน
