วันนี้ (13 กรกฎาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) กล่าวถึงการจัดกิจกรรม ‘กรุงเทพกลางแปลง’ ว่าในช่วงนี้ที่เป็นฤดูฝน ถ้าระหว่างฉายหนังแล้วฝนตก สามารถปรับได้ตามสถานการณ์และความเหมาะสม หากกังวลแต่เรื่องฝนหรือกลัวอุปสรรคก็ไม่ต้องทำอะไรเลย บางทีจิตวิญญาณของหนังกลางแปลงอาจไม่ใช่แค่ดูหนัง มันคือบริบทรอบๆ เช่น การเจอคน การทักทายกัน เศรษฐกิจ การค้าขาย
สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจของหนังกลางแปลงอาจไม่ใช่ภาพใหญ่แต่ทำให้เกิดความหวัง เหมือนเป็นจุดเริ่มในการขยายกิจกรรม ถ้ามีการขยายกิจกรรมแบบนี้ไปมากขึ้น ก็เกิดการหมุนเวียนขึ้น อย่างน้อยก็เห็นหลายชีวิต หลายครอบครัวที่ได้รับผลบวกจากการมีหนังกลางแปลง มาขายของได้
ชัชชาติกล่าวต่ออีกว่า ส่วนตัวหวังว่ากิจกรรมนี้จะขยายไปพื้นที่ต่างๆ กระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขึ้น กรุงเทพมหานคร (กทม.) ไม่สามารถรับภาระทั้งหมดได้ แต่เป็นการจุดประกายให้เกิดแรงเคลื่อน เป็นพลังบวกของเมือง การกระตุ้นเศรษฐกิจของหนังกลางแปลงอาจเป็นแค่ตัวอย่าง อาจมีการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างอื่น เช่น การจัดถนนคนเดิน ตลาดนัดในพื้นที่ต่างๆ เป็นตัวอย่างให้เกิดแรงบวกของสังคม คิดว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนช่วยกันได้ ทุกคนไม่ได้แตกต่างกันในการช่วยให้สังคมดีขึ้น
และในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้จะมีการฉายหนังกลางแปลงเรื่อง คู่กรรม ที่หัวลำโพง จึงอยากเชิญชวนคนมาดูหนังร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่เวลา 16.30 น. และหนังเริ่มฉายเวลา 20.00 น.
ทั้งนี้ ชัชชาติกล่าวว่า กรณีการฉายหนังกลางแปลงที่หัวลำโพงจะส่งเสียงรบกวนกับการปฏิบัติงานของการรถไฟนั้น คิดว่าอาจมีบ้าง แต่ก็จะมีการปรับให้เหมาะสม นี่คือมิติการอยู่ร่วมกัน ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน อาจมีขัดแย้งกันบ้างก็ต้องปรับตัว ก็จะนำไปปรับปรุง คงเป็นบรรยากาศสนุกๆ ดูหน้างานและปรับตัวกันไป