วันนี้ (17 สิงหาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการรับมือฝนตกหนักในช่วงปลายสัปดาห์นี้ว่า จากข้อมูลมีฝนตกหนักเป็นหย่อมๆ เช่น เมื่อวานนี้ (16 สิงหาคม) มีปริมาณฝน 140 มิลลิเมตรที่เขตประเวศ ซึ่งจุดอ่อนตอนนี้คือ คลองประเวศบุรีรมย์ที่ระบายน้ำทำได้ช้าเนื่องจากคลองมีความคดเคี้ยว เมื่อน้ำเต็มคลองก็จะทำให้คลองอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับคลองประเวศบุรีรมย์ได้รับผลกระทบไปด้วย ส่งผลให้น้ำเอ่อท่วมพื้นที่ชุมชน เช่น ซอยอ่อนนุช 82
ขณะที่พื้นที่รอบนอกกรุงเทพมหานครบางจุด ที่เป็นพื้นที่เอกชน มีการสร้างถนนแต่ไม่มีทางระบายน้ำ จะใช้การระบายลงคลองเป็นหลัก ก่อนระบายลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา แต่เมื่อน้ำในคลองล้นก็จะท่วมถนน เพราะไม่ได้มีการออกแบบการระบายน้ำตามหลักวิชาการ
ดังนั้น ในอนาคตต้องมียุทธศาสตร์ในการดูแลการระบายน้ำในคลองเหล่านี้ให้เร็วยิ่งขึ้น เพราะหากทำให้น้ำในคลองลดได้ ที่อื่นก็จะลดตาม อาจต้องทำอุโมงค์เพิ่มเพื่อรองรับน้ำ ที่ผ่านมา กทม. ก็แก้ปัญหาได้ดี มีเพียงบางจุดที่ยังมีปัญหาซ้ำซาก ถือว่าหลายๆ ที่มาถูกทาง ต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการทำงาน
ชัชชาติกล่าวต่ออีกว่า อีกจุดที่ กทม. ต้องเฝ้าระวังระดับน้ำในเขื่อน โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก ที่จะได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งวันนี้มีน้ำในเขื่อนประมาณ 50% โดยน้ำจากเขื่อนจะถูกระบายลงคลองระพีพัฒน์ และส่วนหนึ่งจะเข้าคลอง 13 ซึ่งเป็นฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ เข้าสู่คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต มีบางส่วนไหลเข้าคลองประเวศบุรีรมย์ และบางส่วนเข้าคลองแสนแสบ
ดังนั้น ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก ทั้ง ลาดกระบัง มีนบุรี หนองจอก ต้องเฝ้าระวังเพราะจะได้รับผลกระทบ แม้ไม่มีฝนก็อาจเกิดน้ำท่วมได้เพราะเป็นน้ำจากเขื่อน และต้องเฝ้าระวังในระยะยาวเพราะปีนี้น้ำมาเร็ว ซึ่งเรื่องนี้ต้องประเมินในภาพรวม ไม่ได้ดูแค่ฝนในกรุงเทพฯ ต้องดูน้ำในเขื่อนที่จะถูกระบายลงมาด้วย
ชัชชาติกล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ กทม. จะหาแนวทางร่วมกับกรมชลประทาน และเตรียมหารือกับหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำระดับชาติ เพื่อหาแนวทางรับมือ พร้อมยืนยันว่าตอนนี้ทุกฝ่ายร่วมมือกันทำงานได้ดี