วันนี้ (15 กรกฎาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) กล่าวถึงกรณีที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในงบประมาณค่าอาหารกลางวันเด็กในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยชัชชาติกล่าวว่าตอนนี้ได้ทราบข้อมูลแล้ว ต้องขอบคุณคนที่แจ้งเหตุเข้ามา และหลังจากนี้หากพบปัญหาอีกสามารถแจ้งมาได้ที่ระบบทราฟฟี่ฟองดูว์ของ กทม. ได้
ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่ได้สั่งการเรื่องอาหารกลางวันไปแล้ว และส่วนตัวมองว่าคุณภาพอาหารของเด็กเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเด็กต้องการการเจริญเติบโตที่เหมาะสม และจะต้องมีมาตรฐาน
ในเรื่องอาหารกลางวันเด็กที่เป็นประเด็นเกิดขึ้นจะต้องไปตรวจสอบและเอาจริงเอาจังเรื่องนี้ เพราะส่วนตัวรู้สึกเป็นห่วงเด็กก่อนวัยเรียนที่ปัจจุบันได้งบอาหารกลางวัน ที่ 20 บาทเท่านั้น ซึ่ง กทม. อยู่ในระหว่างการหารือว่าจะปรับเป็น 32 บาท ส่วนเด็กโตจะอยู่ที่ 40 บาทได้หรือไม่ ทั้งนี้ต้องดูบริบทให้เกิดความเหมาะสมอีกครั้ง
ด้าน เกรียงไกร จงเจริญ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กทม. กล่าวว่า สำหรับงบค่าอาหารที่ปรากฏว่า รายคนอยู่ที่ 40 บาทต่อวัน ถูกแบ่งเป็น เช้า 15 บาท กลางวัน 25 บาท เรื่องนี้ได้รับรายงานปัญหาแล้ว พบว่าโรงเรียนดังกล่าวเป็นโรงเรียนในสังกัด กทม. จริง มีเด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 ได้สั่งให้ผู้อำนวยการเขตบางเขนไปตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากเรื่องอาหาร การดูแลคุณภาพชีวิต เป็นภารกิจของสำนักงานเขตต้องรับผิดชอบ
ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวถูกโพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 4.1 วานนี้ (14 กรกฎาคม) เป็นภาพของอาหารกลางวันของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน กทม. ที่มีผู้ถ่ายไว้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมคำอธิบายระบุว่า
“โรงเรียนในสังกัด กทม. ส่งเข้าประกวด ลงเพื่อกระตุ้นให้สื่อสังคมช่วยตรวจสอบว่า งบต่อหัวในปัจจุบันมันพอไหม และถ้าการบริหารจัดการดีๆ มันจะดีกว่านี้หรือไม่ สื่อสังคมช่วยตรวจสอบขยายความด้วย
สวัสดีค่ะ วันนี้เห็นโพสต์อาหารกลางวันหัวละ 21 บาท จึงอยากร่วมแชร์คุณภาพอาหารกลางวันเด็กประถมหัวละ 40 บาท สังกัด กทม. เขตบางเขนค่ะ แถมเจ้าหน้าที่ยังบอกว่ากินๆ ไปเถอะ ตามคำบอกเล่าของเด็กๆ บางวันเป็นขนมจีนน้ำยาที่ไม่ตักลูกชิ้นให้เด็ก บางวันเป็นแกงส้มผักบุ้งสองวันติด บางวันแกงหน่อไม้ดองไม่มีเนื้อสัตว์ เด็กบางคนกินไม่เป็นหรือกินไม่ได้ก็มีค่ะ จึงต้องอดอาหารมื้อกลางวันไปก็มี จากที่สอบถามและที่เด็กๆ เล่าให้แม่ๆ ฟังค่ะ ตอนนี้เด็กก็ไม่กล้ายกมือถือถ่ายรูปอาหารแล้วเพราะกลัวครูเห็น ขอบคุณทางเพจนะคะที่เป็นสื่อกลาง เผื่อจะมีใครมาช่วยตรวจสอบได้บ้าง ขอบคุณค่ะ”