วันนี้ (17 กรกฎาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ปฏิบัติภารกิจที่เขตประเวศ โดยเริ่มวิ่งจากสวนสาธารณะบึงหนองบอน จากนั้นมาที่ส่วนงานก่อสร้างบริเวณสะพานข้ามคลองเคล็ด ถนนอุดมสุข ระหว่างซอยอุดมสุข 51 และ 53 เพื่อติดตามความคืบหน้าการซ่อมแซมสะพานข้ามคลองเคล็ดและถนนอุดมสุขที่เกิดปัญหาทรุดตัวตั้งแต่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ปัญหาจุดนี้ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งด้านการจราจรและที่อยู่อาศัย เพราะจุดนี้เดิมเป็นเส้นทางก่อสร้างโครงการอุโมงค์ระบายน้ำบึงหนองบอนลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา มีกำหนดจะแล้วเสร็จในปี 2565 นี้ แต่เกิดปัญหาน้ำใต้ดินรั่วไหลเข้ามาทางปล่องรับน้ำ อาคารคลองเคล็ด ส่งผลให้ดินที่อยู่โดยรอบบริเวณสะพานและพื้นที่ใกล้เคียงไหลเข้ามาในปล่องรับน้ำ ทำให้เสาเข็มของสะพานเกิดการทรุดตัว โครงสร้างด้านบนเสียหาย ท่อประปาแตก จนถนนทรุดตัวความยาวประมาณ 80 เมตร ลึกประมาณ 1.50-2.50 เมตร ช่วงตั้งแต่คลองเคล็ดไปถึงทางแยกศรีอุดม ถนนศรีนครินทร์
ภายหลังการตรวจสอบ ชัชชาติกล่าวว่า ยอมรับว่าการซ่อมแซมจุดเกิดเหตุไม่ใช่เรื่องง่าย ทำได้ไม่เร็วมาก จากการประเมินของผู้รับเหมาคาดว่าต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2 ปี กว่าจะแล้วเสร็จ เหตุที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนที่ระมัดระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วผู้รับเหมาและสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ต้องบอกความจริงกับประชาชน
เพราะชาวบ้านเดือดร้อนมาก ชาวบ้านรออุโมงค์มา 5 ปีแล้ว ตามกำหนดเดิมจะเสร็จช่วงเดือนพฤษภาคมปีนี้ แต่ก็เกิดปัญหาช่วงใกล้จะเสร็จเสียก่อน ดังนั้นต้องทำความเข้าใจกับชาวบ้าน แต่ปัญหาที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือปัญหาการจราจร จากนี้อยากให้ผู้รับเหมาเร่งรัดการซ่อมแซมให้เร็วที่สุด ต้องเอาจริงเอาจัง แต่ก็ยอมรับว่าการแก้ไขไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ต้องเร่งทำ เพราะชาวบ้านร้องเรียนเยอะ ในสภา กทม. ก็พูดถึงเรื่องนี้
นอกจากนี้ควรต้องมีคนรับผิดชอบ เพราะเกิดจากความผิดพลาดของงานก่อสร้าง บทเรียนครั้งนี้ต้องศึกษาเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพราะยังมีโครงการอุโมงค์จุดอื่นๆ ที่ยังต้องทำอีกอย่างน้อย 4 อุโมงค์
ทั้งนี้ ชัชชาติได้สั่งการไปยังสำนักการระบายน้ำและผู้รับเหมาให้นัดประชาชนมาฟังรายละเอียด ความคืบหน้าโครงการ แจ้งข้อเท็จจริงกับประชาชนว่าเกิดอะไรขึ้น จะใช้เวลาซ่อมแซมนานเท่าไร จะเปิด-ปิดการจราจรช่วงไหนเวลาไหน เพราะร้านค้า ร้านอาหาร กิจการของชาวบ้านและประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบเยอะ
ชัชชาติกล่าวต่ออีกว่า การทำงานต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะจุดนี้คนบ่นเยอะ เห็นใจประชาชน ชาวบ้านจุดนี้เป็นผู้เสียสละ ต้องดูแลประชาชนให้ดี แม้ไม่อยากให้เกิดปัญหา แต่เมื่อเกิดแล้วก็ต้องดูแล เจ้าหน้าที่ต้องคุยกับประชาชน รายงานความคืบหน้าให้ประชาชนทราบตลอด ต้องสร้างความไว้วางใจกลับคืนมา
ส่วนการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ชัชชาติกล่าวว่า จะดูแลทุกคน ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงการรวบรวมข้อมูลและแนวทางการช่วยเหลือ เพราะประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนแรกผู้ที่เสียหายโดยตรง และส่วนที่ 2 คือผู้ที่เสียหายทางอ้อม เช่น รถติด ร้านค้าและร้านอาหารขายไม่ได้ ส่วนการเร่งรัดการซ่อมถนนและคืนพื้นที่ให้ประชาชน ได้มอบหมายให้ วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. เข้ามากำกับดูแลเรื่องนี้โดยตรงแล้ว
ทั้งนี้ ระหว่างรับฟังปัญหาของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาถนนทรุดจนบ้านพักพังเสียหาย ชัชชาติได้ยกมือไหว้ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรับปากจะเร่งรัดการซ่อมแซมและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบให้ดีที่สุด
