วันนี้ (4 มิถุนายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำรวจนิด้าโพล ที่สำรวจความพึงพอใจการบริหารกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาลดลง ว่าส่วนตัวไม่ได้มีความกังวลใดๆ ได้แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้ว และจะนำสิ่งที่ประชาชนคิดเห็นไปปรับปรุง เปรียบนักการเมืองก็เหมือนรถใหม่ วันแรกที่ถอยรถออกมาราคาปกติ จากนั้นราคาก็ลดลง แต่ย้ำว่าจะนำความเห็นทุกอย่างมาปรับปรุงให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันต้องคุยกับรัฐบาลใหม่ด้วย โดยเฉพาะปัญหาค่าครองชีพของประชาชน
“ไม่เป็นไร เป็นเรื่องธรรมดา พร้อมน้อมรับและนำมาปรับปรุง ดีแล้วที่มีคนติ ถ้ามีคนชมอย่างเดียวเราไม่รู้จะปรับปรุงตรงไหน เราก็ต้องเดินหน้าเต็มที่ คำติเหมือนเป็นแรงผลักดันของเรา ยิ่งกว่าคำชมอีก เรายิ่งต้องเปลี่ยนมาเป็นพลังบวกให้ได้ ก็ขอบคุณ 1 ปี เราทำเต็มที่แล้ว เชื่อว่าเราได้รับความร่วมมือหลายๆ ด้าน” ชัชชาติกล่าว
ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่ได้วิเคราะห์ว่าคะแนนนิยมที่ลดลงมาจากสาเหตุใด แต่ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาต่อการทำงานย่อมมีคนชอบและไม่ชอบ แต่ก็มอบหมายให้ทีมงานแต่ละด้านไปวิเคราะห์จุดอ่อน และจะพยายามทำงานอย่างเต็มที่เช่นเดียวกับ 1 ปีที่ผ่านมา พร้อมขอบคุณผลสำรวจโพลที่ทำให้ทราบรายละเอียดที่ต้องแก้ไข
ส่วนการรับมือกับฤดูฝนในกรุงเทพฯ ชัชชาติเชื่อว่าสถานการณ์ปีนี้จะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เพราะทำตามแผนการระบายน้ำและลอกท่อ รวมถึงโครงการหลายอย่างได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปบ้างแล้ว โครงการประตูระบายน้ำที่เสร็จสิ้นไปแล้วร้อยละ 50 และเตรียมความพร้อมแบบชั่วคราวในการรับมือด้วย เรายอมรับเป็นห่วงจุดก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย ที่จะต้องไปดูว่ามีการกีดขวางทางระบายน้ำหรือไม่
ส่วนพื้นที่เสี่ยงในกรุงเทพฯ มีตรงจุดคลองเปรมประชากร, คลองลาดพร้าว และคลองประเวศบุรีรมย์ ซึ่งถือเป็นคลองหลัก โดยเฉพาะคลองลาดพร้าวที่มีการรุกล้ำพื้นที่เป็นจำนวนมาก การไปขุดลอกคลองลำบาก ส่วนคลองประเวศบุรีรมย์ ที่มีการเสนอโครงการระบายน้ำไปฝั่งตะวันออก ก็ยังอยู่ในแผนเนื่องจากมีเส้นทางยาว แต่ขณะนี้ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว เพื่อที่จะระบายน้ำไปยังฉะเชิงเทราได้มากขึ้น ขณะเดียวกันยืนยันว่า กว่า 500 จุดที่มีปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ จะนำมาเป็นบทเรียน จัดทำเป็นแผนที่ในการแก้ไขแล้ว
ชัชชาติกล่าวย้ำอีกว่า อุโมงค์ระบายน้ำก็มีประสิทธิภาพอยู่ ที่ผ่านมาไม่ใช่ปัญหา แต่พบว่าน้ำไม่ไปถึงอุโมงค์ระบายน้ำ ดังนั้นจะต้องทำโครงการเส้นเลือดฝอยให้เข้มแข็ง ทั้งการดูแลปั๊มสูบน้ำ การลอกท่อ ซึ่งจะต้องเข้มแข็งเพื่อไปสู่เส้นเลือดใหญ่ ส่วนการลอกท่อได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 3,000 กิโลเมตร และภายในปีนี้จะสามารถลอกท่อได้ 100% ซึ่งก็ยอมรับว่าประชาชนรับทราบ น้ำมีการระบายได้เร็วขึ้น และย้ำว่าใน 4 ปี ประชาชนจะได้เห็น 200 นโยบายที่ประกาศไว้ อาจจะมีบางข้อที่จะต้องปรับปรุง เนื่องจากไม่ทันสมัย ขณะเดียวกัน คาดว่าสัปดาห์หน้าเว็บไซต์ที่ติดตาม 200 นโยบายจะแล้วเสร็จ ซึ่งจะเป็นการติดตามงานได้มากขึ้น เพราะทุกเขตจะมีการรายงานทุกปัญหาเข้ามา
ส่วนในวันที่ 6 มิถุนายนนี้ จะมีการหารือกับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล ชัชชาติกล่าวว่า มี 17-18 ประเด็นในการหารือ ส่วนตัวมองว่าไม่ว่าเป็นใครก็ตามที่เป็นรัฐบาลก็ต้องหารือในประเด็นนี้ โดยเฉพาะการใช้ทรัพยากรหลักในการเข้ามาสนับสนุนการทำงานในกรุงเทพฯ ทั้งใช้พื้นที่ใต้ทางด่วนปลูกต้นไม้ การคมนาคมขนส่ง การจราจร สาธารณสุข สวนสาธารณะ บางเรื่อง กทม. ไม่มีอำนาจเต็มโดยตรง