ยังคงเสริมแกร่งพอร์ตธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เมื่อกลุ่มเซ็นทรัลได้ประกาศลงทุนเพิ่มใน 3 เมืองท่องเที่ยว 3 ประเทศ ตามแผนยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจต่างประเทศ ประกอบด้วย เวียนนา (ออสเตรีย), โอซาก้า (ญี่ปุ่น) และตูริน (อิตาลี) ด้วยงบลงทุนสูงกว่า 20,000 ล้านบาท เพื่อเร่งพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส, โรงแรม และห้างสรรพสินค้า ตามลำดับ
โครงการที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ประกอบด้วย
1. มิกซ์ยูสโปรเจกต์ใจกลางกรุงเวียนนา ตั้งอยู่ย่านถนน MariahilferStraße บนพื้นที่ขนาด 58,000 ตารางเมตร ภายใต้การร่วมทุนระหว่างกลุ่มเซ็นทรัลและกลุ่มซิกน่า (Signa Group) ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้าและโรงแรมสุดหรูขนาด 150-165 ห้องพัก, ร้านค้า, ร้านอาหารชั้นนำ และสวนสาธารณะลอยฟ้า เน้นให้เป็นจุดหมายใหม่แห่งการพบปะสังสรรค์ ด้วยรูปแบบที่ทันสมัยและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอันเป็นเอกลักษณ์ของเมือง คาดแล้วเสร็จปี 2566
2. โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า โรงแรมแฟล็กชิประดับ 5 ดาว ภายใต้แบรนด์เซ็นทาราแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น ภายใต้การร่วมทุนระหว่างโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา กับสองบริษัทก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น Taisei Corporation และ Kanden Realty & Development ตั้งอยู่ใจกลางย่านนัมบะ ศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเมืองโอซาก้าและภูมิภาคคันไซ โดยเป็นโรงแรมใจกลางเมืองเทียบเท่าเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ มีจำนวนชั้น 34 ชั้น ขนาด 515 ห้องพัก คาดแล้วเสร็จ 2566
3. ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต สาขาตูริน ด้วยงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท กลุ่มเซ็นทรัลได้เข้าซื้อที่ดินอาคารเมื่อปี 2560 และออกแบบพัฒนาโครงการใหม่ทั้งหมด ขยายพื้นที่ขายสุทธิเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว เพิ่มโซนเครื่องประดับและลักชัวรีแบรนด์
ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า “กลุ่มเซ็นทรัลได้สานต่อยุทธศาสตร์ขยายการลงทุนในต่างประเทศ ตามเทรนด์การท่องเที่ยวโลก (Global Tourism Trend) ด้วยการพัฒนาโครงการแฟล็กชิปที่มีศักยภาพสูงในเมืองท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ล่าสุดได้ลงทุนโครงการครั้งยิ่งใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ โครงการมิกซ์ยูสที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย, โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต เมืองตูริน ประเทศอิตาลี โฉมใหม่ ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยทุกแห่งที่กลุ่มเซ็นทรัลเข้าไปลงทุน ล้วนเกิดจากความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมพัฒนาท้องถิ่นและสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของลูกค้าและนักท่องเที่ยวทั่วโลก”
กลุ่มเซ็นทรัลยังบอกอีกด้วยว่า การขยายธุรกิจในต่างประเทศในครั้งนี้ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยค่าเงินบาทแข็ง ซึ่งช่วยให้การพัฒนาธุรกิจต่างประเทศโตแบบก้าวกระโดด โดยรายได้ของบริษัทในปี 2561 ที่มาจากเวียดนาม, ยุโรป และมัลดีฟส์ ถือเป็นสัดส่วนมากถึง 30% ของรายได้ทั้งหมดของกลุ่มเซ็นทรัล และคาดว่ารายได้ดังกล่าวจะเติบโตต่อเนื่องในอีก 5 ปีต่อจากนี้จากโครงการใหม่ๆ ที่เปิดตัว
โดยธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลในยุโรปประกอบด้วย อิตาลี, เดนมาร์ก และเยอรมนี ยังอยู่ในทิศทางที่ดี เป็นผลมาจากยอดขายจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง 12-20% จากปีที่แล้ว โดยเฉพาะ ‘รีนาเชนเต’ ที่ยอดขายจากนักท่องเที่ยวไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้โตขึ้นถึง 50%
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
