จากกรณีก่อนหน้านี้ที่ทางโรบินสันได้แจ้งต่อตลาดทรัพย์แห่งประเทศไทยเตรียมนำหุ้น ROBINS ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับโครงสร้างบริษัท พร้อมเปิดทางให้เซ็นทรัล รีเทล (Centra Retail: CRC) IPO นำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ แทน
ล่าสุด วันนี้ (31 ก.ค.) บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้จัดงานแถลงข่าวในประเด็นการเตรียมจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจะยื่นไฟลิ่งเพื่อรอการอนุมัติในปีนี้ พร้อมเปิดเผยภาพรวมธุรกิจค้าปลีกของบริษัทใน 3 ประเทศ (ไทย เวียดนาม และอิตาลี) ณ ปัจจุบัน รวมถึงการผนึกรวมภาครีเทลทั้งหมดมาดำเนินงานภายใต้แบรนด์เซ็นทรัล รีเทล เพื่อต่อยอดความสำเร็จสู่การเป็น ‘นิวเซ็นทรัล นิวรีเทล’
ธุรกิจค้าปลีกเปรียบเสมือน ‘แฟลกชิป’ และจุดเริ่มต้นบรรดาธุรกิจทั้งหมดในพอร์ตโฟลิโอธุรกิจครอบครัวตระกูลจิราธิวัฒน์ เริ่มต้นจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในปี 1947 หรือเมื่อประมาณ 72 ปีที่แล้ว ด้วยการเปิดร้านขายของชำแบบห้องแถวห้องเดียวที่ถนนเจริญกรุง ก่อนขยายสู่การเป็นห้างสรรพสินค้าที่ย่านบูรพาในปี 1956 ตามมาด้วยการเปิดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลแห่งแรกสาขาสีลมเมื่อปี 1968
จากการเปิดเผยของ ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร เซ็นทรัล รีเทล พบว่าตลอดช่วง 7 ทศวรรษที่ผ่านมา อาณาจักรค้าปลีกของเซ็นทรัลได้สยายปีกเติบโตและก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงพร้อมนำนวัตกรรมมาปรับใช้เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้าระดับโลก
ปัจจุบัน เซ็นทรัล รีเทล มีธุรกิจค้าปลีกมากมายหลากหลายรูปแบบ ประกอบด้วย แฟชั่น, ฮาร์ดไลน์ (สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าแต่งบ้าน) และอาหาร ครอบคลุมจุดขายรวม 3,936 แห่งใน 3 ประเทศ ขณะที่ในปี 2561 ที่ผ่านมา เซ็นทรัล รีเทล มีรายได้รวมสูงถึง 240,297 ล้านบาท นับเป็นอัตราการเติบโตราว 8% ในช่วงตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยแต่ละปีมีงบลงทุนเฉลี่ยประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท
ขณะที่กลยุทธ์ต่อจากนี้ ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล รีเทล ระบุว่า ในช่วง 3 ปีที่ผานมาบริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ เสริมสร้างความแข็งแกร่งขยายแพลตฟอร์มธุรกิจใหม่ภายใต้แนวคิด Central of Life หรือศูนย์กลางการใช้ชีวิตของคนทุกคน ตบเท้าเข้าสู่ยุคนิวเซ็นทรัล นิวรีเทล ซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดที่กำลังจะเกิดขึ้นคือการนำบริษัทจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยจุดมุ่งหมายใน 3 ข้อใหญ่ๆ คือ
1. เปิดโอกาสร่วมงานกับพาร์ตเนอร์พันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก (การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะทำให้บริษัทมีความโปร่งใส ชัดเจน สามารถตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ได้ตามหลักบรรษัทภิบาล)
2. ดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถจากทั่วโลกมาร่วมงาน
3. ใช้ตลาดทุนให้เป็นประโยชน์ ระดมทุกหลากหลายวิธีการเพื่อขยายการเติบโตของภาคธุรกิจ
ประธานเจ้าหน้าที่บริการเซ็นทรัล รีเทล มองว่า ความได้เปรียบของเซ็นทรัล รีเทล ที่ทำให้ธุรกิจค้าปลีกของพวกเขาประสบความสำเร็จจนก้าวมาเป็นผู้นำในภูมิภาคได้เป็นผลจากการทรานฟอร์มอย่างต่อเนื่อง และ ‘ความอยากที่จะเปลี่ยนแปลง’ ซึ่งทุกครั้งที่มีการปรับหรือเปลี่ยนองค์กร เซ็นทรัลจะเปลี่ยนด้วยแพสชันของความอยากเป็นผู้ชนะเสมอ ไม่ได้ถูกสถานการณ์แวดล้อมบีบบังคับให้ต้องเปลี่ยน
นอกจากการเตรียมนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และผนึกรวมกิจการค้าปลีกทุกแบรนด์เพื่อดำเนินการภายใต้แบรนด์เซ็นทรัล รีเทลแล้ว สเตปต่อจากนี้ของเซ็นทรัล รีเทล ยังให้ความสำคัญกับการสร้าง Central Retail Experience และ Customer-Centric Omnichanel Platform เชื่อมต่อโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน พร้อมนำเทคโนโลยีต่างๆ มาปรับใช้ ทั้ง Data, AI หรือฟินเทค เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ตรงจุดและให้บริการที่เหนือระดับ
ถือเป็นการขยับตัวและการปรับกลยุทธ์ขององค์กรที่น่าจับตาเป็นอย่างมากของเซ็นทรัล รีเทล โดยต่อจากนี้ความสนใจของคนส่วนใหญ่น่าจะพุ่งไปที่กรณีบริษัทเตรียม IPO เป็นหลัก รายละเอียดการเสนอขายหุ้น รวมถึงการกลยุทธ์การขยายธุรกิจค้าปลีกของบริษัทในอนาคต
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
