วันนี้ (21 กรกฎาคม) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงนานกว่า 1 ชั่วโมง เพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านต่อขั้นตอนการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า มาตามกฎหมายหลังการเลือกตั้ง แม้จะผ่านการโหวตร่วมกับสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แต่ย้ำว่า ส.ว. ก็ต้องเลือกตามที่ชื่อพรรคการเมืองเสนอมา ส่วนกติกาการเลือกตั้งหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของพรรคการเมือง
ส่วนเรื่องงบประมาณ พล.อ. ประยุทธ์ ปฏิเสธข้อมูลอภิปรายที่บอกว่ามีการต่อสายโทรศัพท์เข้าไปของบประมาณในยุคที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก โดยยืนยันว่าได้ทำหน้าที่ในการชี้แจงการตั้งรับงบประมาณตามปกติ
สำหรับข้อกล่าวหาเรื่องของ ‘เศรษฐกิจพังพินาศ-ล้มเหลวระดับประเทศ’ โดยหยิบยกข้อมูล GDP ของไทยเปรียบเทียบกับประเทศในอาเซียนที่ไทยเป็นอันดับ 2 แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด แต่เศรษฐกิจไทยยังคงเดินหน้าจากการขับเคลื่อนของรัฐบาลและความร่วมมือของทุกภาคส่วน และอัตราการว่างงานของไทยก็ต่ำที่สุดในอาเซียน พร้อมกันนี้ยืนยันว่าสถานการณ์ในประเทศไทยจะไม่เกิดความรุนแรงอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศศรีลังกาแน่นอน
พล.อ. ประยุทธ์ ยืนยันว่า ไทยยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนในการย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศ ซึ่งไทยมีความปลอดภัยและเป็นเป้าหมายหลักของนักลงทุน โดยต่างประเทศอย่างอิสราเอลยังมีความต้องการแรงงานจากไทยด้วย
ส่วนปัญหาเศรษฐกิจ พลังงาน ของแพง พล.อ. ประยุทธ์ ยอมรับถึงการเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว แต่ทั้งโควิด สงคราม ผลกระทบก็เกิดขึ้นทั่วโลก เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจทั่วโลกและประเทศไทย พล.อ. ประยุทธ์ ยืนยันว่า ใช้มาตรการควบคุมสถานการณ์โควิดเท่าที่จำเป็น ไม่ได้ใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมการชุมนุมทางการเมือง แต่ไม่ต้องการให้ประชาชนติดโควิดเท่านั้น ขณะที่ประเทศไทยเผชิญกับสถานการณ์โควิดและเศรษฐกิจอยู่แล้ว หากมีเรื่องความขัดแย้งเข้ามาก็จะทำให้ปัญหาหนักเข้าไปอีก
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ในเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาล 250 วัน รัฐบาลจะทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศพ้นจากทุกวิกฤต และ 8 ปีที่ผ่านมาในการบริหารประเทศ เป็นช่วงที่รัฐมีการลงทุนมากที่สุด ลงทุนไป 179 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 2.66 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ระหว่างลุกขึ้นชี้แจง นายกรัฐมนตรีได้นำคลิปวิดีโอสรุปเรื่องการแก้หนี้และการแก้ปัญหาความยากจนเปิดในสภาด้วย