วันนี้ (21 กรกฎาคม) ประเสริฐ จันทรรวงทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดนครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณีทุจริตต่อหน้าที่ในการใช้งบกลาง วงเงิน 2,051 ล้านบาท ว่าตนรู้สึกเสียดายเวลา 8 ปีที่ผ่านมา หากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีวันนั้นเป็นของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือ ชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านการตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมและอำนาจรัฐ พรรคเพื่อไทย ได้เป็นนายกรัฐมนตรี บ้านเมืองคงไม่เป็นเช่นนี้ ซึ่งน่าเสียดายโอกาสของประเทศไทย
นอกจากนั้นวุฒิภาวะของ พล.อ. ประยุทธ์ ยังมีความบกพร่อง กล่าวหาผู้อื่น กล่าวหาพรรคฝ่ายค้านมีแต่นั่งร้านแต่ไม่มีหัว ซึ่งเข้าใจผิดแล้ว เพราะพรรคเพื่อไทยมีผู้นำฝ่ายค้านที่ชื่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่ไม่มีเหมือน พล.อ. ประยุทธ์ ที่อ้างว่ามีหัว แต่ไม่มีสมอง
ประเสริฐยังกล่าว่า เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นในสังคมไทย พฤติกรรมน่ารังเกียจ เพราะขณะนี้คนไทยเลือดตาแทบกระเด็น ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก ข้าวยากหมากแพง และรัฐบาลในยุคของ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ มีการกู้เงินอย่างมากเป็นประวัติการณ์ ซึ่งงบประมาณที่มีอย่างจำกัดควรใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะงบกลาง แต่ พล.อ. ประยุทธ์ กลับอนุมัติงบกลางเป็นจำนวนมากในหลายโครงการ โดยไม่คำนึงถึงหลักเกณฑ์และผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ หลับหูหลับตาอนุมัติให้คนใกล้ชิดกับตนเองเป็นการตบรางวัล แล้วให้คนเหล่านั้นไปตามเก็บเปอร์เซ็นต์ผลประโยชน์ ซึ่งทราบมาว่าไม่น้อย 50% ที่หาผลประโยชน์บนความทุกข์ของประชาชน มีการฮั้วกันโกง แม้กระทั่งเงินกู้
ประเสริฐกล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ ยังไม่สนใจข้อเสนอแนะ และทักท้วงสำนักงบประมาณ ตามหนังสือสำนักงบประมาณเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2565 จึงต้องการให้สภาพิจารณาว่าจะไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ ว่ากระทำผิดกฎหมาย เพื่อประโยชน์พวกพ้อง ซึ่งการกระทำของ พล.อ. ประยุทธ์ ถือว่ามีความผิดคือ มีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำเป็นขบวนการ ผิด พ.ร.บ.ฮั้ว, ผิดมติ ครม. เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 เพราะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และไม่ใส่ใจข้อทักท้วงของสำนักงบประมาณ โครงการซ้ำซ้อนหน่วยงานอื่น