วันนี้ (21 กรกฎาคม) ที่อาคารรัฐสภา อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
อมรัตน์กล่าวถึงความผิดปกติในการประมูลโครงการที่เกี่ยวข้องกับการทำลายอนุสาวรีย์ ที่มีความเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 หลายโครงการภายใต้การดูแลของกองทัพ ที่ชัดเจนว่าเป็นการล็อกผลการประมูลให้กับผู้รับเหมาบางราย
อมรัตน์ชี้ให้เห็นว่า กรณีโครงการรื้อถอนอนุสาวรีย์พระยาพหล และจอมพล ป. ที่กองทัพบกเป็นผู้จัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีการคัดเลือก ผู้ที่ได้รับการคัดเลือก ได้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ภูวเณศ โดยเสนอราคา 1,173,000 บาท จากราคากลาง 1.2 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลางเพียง 27,000 บาท โดยโครงการนี้กองทัพบกได้ประกาศผู้ชนะการเสนอราคาในวันที่ 23 เมษายน 2564 แต่ปรากฏชัดเจนว่าผู้รับเหมาได้เข้าไปทำการรื้อถอนอนุสาวรีย์ก่อนแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 หรือได้เริ่มทำงานก่อนที่จะประกาศตัวผู้ชนะการเสนอราคาถึง 15 เดือน
รวมทั้งโครงการสร้างแท่นประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 9 และงานปรับปรุงภูมิทัศน์ ที่จะนำมาแทนที่อนุสาวรีย์พระยาพหลที่เพิ่งทำการรื้อถอนออกไป กรมยุทธโยธาทหารบกเป็นผู้จัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีการคัดเลือก โดยบริษัท ไอยเรศ จำกัด ชนะการคัดเลือก ด้วยการเสนอราคา 59,873,500 บาท จากราคากลาง 59,993,500 บาท โดยโครงการนี้ได้มีการประกาศตัวผู้ชนะการเสนอราคาในวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 และทำการเซ็นสัญญาในวันที่ 27 สิงหาคม 2564
แต่เมื่อดูจากแผนที่ทางดาวเทียมพบว่า กองทัพได้ให้ผู้รับเหมาเริ่มทำงานไปล่วงหน้าแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 โดยภาพถ่ายทางดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า ในช่วงเดือนเมษายน 2564 โครงการที่ว่านี้ได้คืบหน้าไปมาก จนโครงสร้างฐานรากของแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 9 ใกล้เสร็จสมบูรณ์ สามารถมองเห็นได้ชัดจากภาพถ่ายทางดาวเทียม
“ทั้งสองกรณีชัดเจนว่าเริ่มการก่อสร้างตั้งแต่ยังไม่มีการประกาศราคากลาง ยังไม่มีการประกวดราคา ยังไม่มีการทำสัญญา พูดง่ายๆ กองทัพล็อกผู้รับเหมา แล้วให้เข้าไปทำงานล่วงหน้า“
นอกจากโครงการของกองทัพบกแล้ว อมรัตน์ยังเปิดโครงการก่อสร้างบ้านพักรับรองผู้บัญชาการทหารเรือหลังใหม่ พร้อมรื้อถอนบ้านพักหลังเดิม วงเงิน 65 ล้านบาทอีกด้วย โดยอมรัตน์ชี้ให้เห็นว่า โครงการของกองทัพเรือก็ไม่ต่างกัน เนื่องจากกองทัพเรือได้ทำการประกาศราคากลางของโครงการดังกล่าวในวันที่ 15 มีนาคม 2562 ปรากฏว่ามี 3 บริษัทเข้าร่วมยื่นเสนอราคาแข่งขัน โดยบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ชนะการประมูลงานดังกล่าวในวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 และได้ทำการเซ็นสัญญาก่อสร้างในอีก 2 วันถัดมา คือวันที่ 29 พฤษภาคม 2562
แต่เมื่อตรวจสอบภาพถ่ายทางดาวเทียมกลับพบว่า ผู้รับเหมาได้เข้าทำการรื้อถอนบ้านพักเดิม และทำการสร้างใหม่แล้วตั้งแต่ก่อนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 หรือก็คือผู้รับเหมาได้เข้าทำการสร้างคฤหาสน์หลังใหม่ให้กับผู้บัญชาการกองทัพเรือล่วงหน้า 3 เดือน ก่อนที่จะรู้ผลว่าใครเป็นผู้ชนะการประมูล
“แท้จริงแล้วเวลาที่มีโครงการก่อสร้างในกองทัพนั้น ได้มีการแอบล็อกผู้ชนะการประมูลกันก่อนเรียบร้อยแล้ว แบ่งกันล่วงหน้าว่างานนี้เป็นของใคร งานนั้นเป็นของใคร จากนั้นก็จ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชาให้พวกนายพลไปตามลำดับชั้น แล้วค่อยทำการการประมูลหลอกๆ กันอย่างที่เห็น” อมรัตน์กล่าวทิ้งท้าย
ต่อมา พล.อ. ประยุทธ์ได้ลุกขึ้นชี้แจงในประเด็นที่มีผู้อภิปรายถึงตนเอง รวมถึงกรณีที่อมรัตน์ได้อภิปรายด้วย ช่วงหนึ่งที่กำลังชี้แจง อมรัตน์ได้เดินถือกระจกเงาไปมอบให้ พล.อ. ประยุทธ์ บนบัลลังก์ที่นั่งของคณะรัฐมนตรีด้วย ซึ่งกระจกดังกล่าวอมรัตน์ได้ใช้ประกอบการอภิปรายในช่วงท้ายของตนเอง ว่าอยากให้ พล.อ. ประยุทธ์ได้ลองส่องดู หลังประชาชนไม่สามารถสะท้อนความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กนายกฯ ได้ เนื่องจากถูกปิดคอมเมนต์ ขณะเดียวกันเวลากล่าวหาว่าคนอื่นสร้างความขัดแย้ง ไม่รักประเทศ อยากให้ลองส่งดูจะพบว่าทั้งหมดคือตัวนายกฯ เอง