วันนี้ (19 กรกฎาคม) ที่อาคารรัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดน่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อ่านญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ และได้อภิปรายขยายความในญัตติตอนหนึ่งว่า
ความเจ็บปวดและความทุกข์ยากของประชาชนถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดระยะเวลา 8 ปีที่บุคคลชื่อ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความปรารถนาในอำนาจ มีความอยากอยู่ในตำแหน่งไปตลอดกาลของนายกฯ คนนี้
การบริหารแบบคุยโวที่ผ่านมาทั้งหมดตลอด 8 ปี คือความบกพร่อง ผิดพลาด และล้มเหลวของตัวท่านเองแต่เพียงผู้เดียว โดยความสิ้นหวังที่เกิดขึ้นกับประชาชนในขณะนี้มันยากเกินความสามารถ เกินสติปัญญาของท่านที่จะแก้ไข ซึ่งท่านไม่ควรดันทุรังบริหารประเทศต่อไปอีกแล้ว
ตนคาดหวังจะเห็นนายกฯ ตระหนักถึงจิตสำนึกความเป็นมนุษย์ การรู้ผิดชอบชั่วดีว่าตนนั้นไร้ศักยภาพ ไร้ความสามารถโดยสิ้นเชิง ในการบริหารจัดการแก้ปัญหาให้แก่ประเทศชาติ และประชาชนคาดหวังว่าอาจถึงเวลาแล้วที่จะเกิดความสำนึกรู้ว่าตนควรจะยุติบทบาทนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ประวัติศาสตร์จะจารึกถึงความล่มสลายที่ท่านได้ก่อขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ พวกเราคงต้องติดตามดูภาวะผู้นำของนายกฯ คนนี้กันต่อไป
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกความจริงต้องถูกเปิดเผย ความเสียหายที่สร้างไว้ต้องถูกตีแผ่ ทุกความผิดพลาด บกพร่อง ล้มเหลว การก่อทุจริต ต้องถูกเปิดโปง และนำไปสู่การดำเนินคดีในกระบวนการยุติธรรม นำคนผิดมาลงโทษ เราจะร่วมกันตัดวงจรอุบาทว์เห็บที่สูบเลือดประเทศเพื่อความอิ่มเอมของตนและพวกพ้องจะต้องถูกกำจัด
พรรคร่วมฝ่ายค้านจะขอใช้เวลาทั้งสิ้น 4 วัน 45 ชั่วโมงอย่างคุ้มค่าทุกวินาที เพื่อหยุดสิ่งเลวร้ายเหล่านี้ หยุดการทำลายชาติ เพื่อชี้ให้สภาแห่งนี้เห็นถึงภัยร้ายที่เกิดขึ้นมาตลอด 8 ปี หวังว่าสิ่งที่พวกเราได้ทุ่มเททำงานอย่างหนักหน่วงเพื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ จะทำให้ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติ โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล ได้ตระหนักถึงความจริงที่ว่า นั่งร้านที่พวกท่านพยายามค้อมหัวยอมเป็นให้กับรัฐบาลนี้ ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างใหญ่หลวง และถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะร่วมมือกันยุติความเสียหายเหล่านี้ และเริ่มต้นใหม่กับรัฐบาลที่มาจากเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง
อีกทั้งตนขอขอบคุณกลุ่มราษฎรที่เปิดกล่องลงมติไม่ไว้วางใจเป็นมติมหาชน หากเห็นมติมหาชนจะเปลี่ยนใจมาลงมติไม่ไว้วางใจร่วมกับฝ่ายค้าน
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า พล.อ. ประยุทธ์ และพวก มีที่มาไร้ความชอบธรรม เข้าสู่อำนาจด้วยการรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากประชาชน นั่นคือการปล้นอำนาจของประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดของประเทศนี้ ผลักดันตนเองเข้ามาเป็นรัฐบาลเถื่อน ฉีกรัฐธรรมนูญกฎหมายสูงสุดของประเทศ และยังรักษาอำนาจด้วยกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญที่น่าอดสูใจอย่างยิ่ง เขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสร้างกองกำลังในสภาให้ซ้ายหัน-ขวาหัน โหวตรักษาอำนาจให้ตนได้ตามอำเภอใจ จนรัฐบาลเถื่อนของตนนั้นอยู่รอด สร้างความล่มสลายให้ประเทศต่อเนื่องยาวนานเกือบ 8 ปี
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ยอมรับเถิดว่ารัฐธรรมนูญ ปี 60 ที่เกิดจากนิติบริกรที่ พล.อ. ประยุทธ์ เลือกเข้ามาจัดทำรัฐธรรมนูญ จนได้ดั่งใจนั้นเป็นรัฐธรรมนูญที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติ ดึงประเทศถอยหลังนับสิบๆ ปี และเป็นมะเร็งร้ายบ่อนทำลายระบอบการเมืองไทย ทำลายประเทศ และอนาคตของลูกหลานเราทั้งหมด เป็นเพียงเพราะความอยากอยู่ต่อในอำนาจของ พล.อ. ประยุทธ์ อย่างไร้สำนึก ไร้ความชอบธรรม โดยไม่ใส่ใจต่อความพินาศของเศรษฐกิจสังคมเท่านั้นเอง เป็นผู้นำที่ไร้ความสามารถ ผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์ ใช้ปากบริหารประเทศ เพราะชีวิตของ พล.อ. ประยุทธ์ อาจรู้จักแต่กองกำลังในค่ายทหาร จึงมักคัดเลือกบุคลากรที่คุ้นเคยเหล่านี้เข้ามาทำงานในด้านต่างๆ แบบผิดฝาผิดตัว เป็นผู้นำที่สร้างความพินาศและล้มเหลวให้กับประเทศ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สาธารณสุข และการเมือง คอร์รัปชันจนระบบประเทศพังพินาศและล้มเหลว อาทิ ภาพการพิจารณางบประมาณ ปี 2566 เห็นชัดเจนว่าช่วงใกล้เลือกตั้งจัดงบกระจุกตัว จัดให้แต่ฝ่ายตนเองและพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเห็นได้ชัด การลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชนที่จะต้องได้รับความยุติธรรม แต่กลับจับติดคุกทั้งที่ยังไม่มีคำพิพากษา บังคับใช้กฎหมายล้นเกิน ดึงสถาบันมาเป็นคู่ขัดแย้ง กล่าวหาคนเห็นต่างไม่จงรักภักดี ทั้งที่จริงตัวท่านเองแอบอิงใช้ประโยชน์เพื่อต้องการอยู่ในอำนาจ มีการสถาปนาสภากล้วย จงใจเป็นปฏิปักษ์ทำลายระบบรัฐสภาและระบอบประชาธิปไตย เรื่องนี้ถึงศาลแน่นอน
อีกทั้งยังครอบงำชี้นำพรรคการเมืองที่สมยอมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก้าวก่ายแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติ สั่งการสูตรคำนวณ ส.ส. หาร 500 มีการต่อรองทางการเมืองมากมาย เพื่อทำลายพรรคการเมืองคู่แข่งให้การยึดอำนาจมาไม่เสียของ เหมือนจับหนูตัวเดียว แต่เผาบ้านตัวเอง ตนยังเชื่อมั่นศาลรัฐธรรมนูญ
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า พรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ส. ท่านใช้วิธีการแบบนี้ พรรคกลางและพรรคเล็กตายหมด ตนแนะนำยังมีเวลาไปใช้ศาลรัฐธรรมนูญทักท้วงว่าการแก้ไขมาตรา 23 ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้ถึงศาลแน่ และจะมีใครบางคนถูกสอย เสียงในสภาไม่ชนะศรัทธาประชาชนแน่นอน คนดูถูกอำนาจประชาชนจะถูกสั่งสอนในสนามเลือกตั้ง
“ผมขอร้องไปยังเพื่อนสมาชิก เรามาจากประชาชน ต้องคำนึงถึงความต้องการของประชาชน เพื่อประเทศชาติและบ้านเมือง ผมหวังว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพวกเราจะได้มาเจอกัน ณ แห่งนี้ และหวังว่าคนที่นั่งอยู่บนบังลังก์ควรจะไปจากสภาแห่งนี้ เพราะท่านไม่เคยให้เกียรติสภาแห่งนี้ ไปได้แล้วครับ ท่านอย่าอยู่เพื่อเป็น 608 ทำลายประเทศชาติ”