วันนี้ (16 กุมภาพันธ์) วิสาร เตชะธีราวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 โดยกล่าวว่าไม่เชื่อว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตั้งใจที่จะปราบโกง โดยยกกรณีการจับกุม รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรณีเรียกรับสินบนเกือบ 5 ล้านบาท เมื่อ 27 ธันวาคม 2565 โดยสิ่งที่ผิดสังเกตและอยากให้ พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามว่าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร
วิสารเปิดหนังสือคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในวันที่ 27 ธันวาคม 2565 ในวันเดียวกันกับที่มีการจับกุม ลงนามโดยปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหนังสือคำสั่งย้ายอธิบดีกรมอุทยานฯ เข้าไปที่สำนักนายกฯ วันที่ 28 ธันวาคม 2565 โดยมองว่าเป็นการออกคำสั่งข้ามหน้าข้ามตากระทรวง ซึ่งตามปกติผู้บังคับบัญชาตามลำดับขั้นสามารถตั้งคณะกรรมการสอบและออกคำสั่งพักราชการเองได้อยู่แล้ว
“วันนี้ปลัดกระทรวงฯ สั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง วันรุ่งขึ้นนายกฯ ออกคำสั่งย้ายไปประจำสำนักนายกฯ อันนี้เหมือนเอาลูกไก่เข้าไปในปีกแม่ไก่หรือเปล่าครับ เอาไปใกล้ๆ เพื่อตั้งหลักหรือไม่ แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นจริง เพราะหลังจากนั้นเพียงเดือนเศษ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็มีคำสั่งของปลัดกระทรวงฯ ให้อธิบดีออกจากราชการไว้ก่อน แต่ผลคืออธิบดีคนนี้ก็ไปฟ้องเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม” วิสารกล่าว
วิสารจึงตั้งคำถามว่า เป็นเพราะพี่ชายของอธิบดีคนนี้เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พล.อ. ประยุทธ์ ใช่หรือไม่ พร้อมกล่าวต่อว่าอธิบดีคนนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ฟูมฟักมาตั้งแต่ตนเองยังเป็น ผบ.ทบ. ให้เข้ามาทำงานในตำแหน่งแรกคือ ผอ.สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า และในปี 2556-2557 ก็ช่วยกันโปรโมตแต่งตั้งให้เป็นรองอธิบดีกรมป่าไม้ ปีต่อมาขึ้นเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ ปีต่อมาเป็นรองปลัดกระทรวงฯ และเป็นอธิบดีในกรมใหญ่คือกรมอุทยานฯ
“เรื่องนี้ขอร้องเลยครับ ท่านรัฐมนตรีวราวุธ ศิลปอาชา ไม่ต้องยุ่งครับ ไม่ต้องตอบ ท่านตอบท่านยิ่งเปลืองตัวครับ เพราะเรื่องพวกนี้อย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับท่าน แต่ที่ต้องถามตรงๆ ก็คือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ้าท่านรับว่าจริงก็แล้วไป ผมก็จะได้ยืนยันว่าท่านไปข้องเกี่ยว ยุ่งเกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการ แต่ถ้าท่านบอกว่าไม่จริง ท่านกล้าสาบานไหมครับว่าบุคคลคนนี้ ท่านไม่ได้บอกให้ใครไปแต่งตั้ง ท่านกล้าสาบานไหมครับ ต่อหน้าสร้อยพระที่ท่านคล้องคออยู่ก็ได้ครับ” วิสารกล่าว
วิสารยังกล่าวอีกว่า ข้อครหาของเงิน 5 ล้านบาทที่จับได้ หากไม่มีการสั่งย้ายไปอยู่ที่สำนักนายกฯ ก็คงจะมีการตรวจยึดของกลางได้เพิ่มเติม คล้ายๆ กรณีอดีตปลัดกระทรวงคมนาคม พร้อมถามว่าเรื่องนี้เป็นการย้ายเพื่อตัดตอนไม่ให้หาหลักฐานเพิ่มเติมหรือไม่ จนกระทั่งโจทก์ก็คือเจ้าหน้าที่ที่ไปบุกจับกลับโดนฟ้องเสียเอง