วันนี้ (15 กุมภาพันธ์) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ โดยมี ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใช้เวลาในการชี้แจงประมาณ 30 นาทีว่า หลายเรื่องที่อภิปรายเสนอแนะเข้ามาอยู่ในสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องของโรงไฟฟ้า ขอให้กลับไปดูรายละเอียดกติกาอีกครั้งว่ากำหนดไว้อย่างไร แล้วทำไมตนเองถึงไม่อยากให้โรงไฟฟ้าเกิดขึ้นได้ หากเกิดได้ก็ดีอยู่แล้ว ย้ำว่าที่ฝ่ายค้านได้อภิปรายมาได้ทำหมดแล้ว แต่ไม่เห็นเอง
ส่วนการปฏิรูปตำรวจ จากการที่มีตำรวจไปเกี่ยวพันกับการรับส่วย ยาเสพติด พนันออนไลน์ ทั้งการแต่งตั้งการดำรงตำแหน่งโดยใช้เส้นสายนั้น ตนยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการปฏิรูปตำรวจอยู่แล้วตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพื่อให้มีการใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรัฐสภาได้ร่วมกันพิจารณาจนออกพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ซึ่งได้ประกาศในพระราชกฤษฎีกาไปแล้ว
พล.อ. ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงเรื่องคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามที่ได้อภิปรายมานั้น มองว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ผู้บังคับบัญชาจะต้องกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดีที่สุด คนเรามีทั้งดีและคนไม่ดี ไม่ใช่ว่าเลวไปทั้งหมด ตำรวจใช้ไม่ได้ ทหารก็แย่ ก็ลองกลับมาย้อนดูตัวเองบ้างแล้วกัน ขอให้เห็นใจตำรวจที่มีกำลังพลมากกว่า 200,000 นาย ทำงานดีๆ กันอีกเยอะ ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองอยู่ไม่ได้
“หากเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจนายใดที่พัวพันกับผลประโยชน์ให้แจ้งเข้ามา ถ้าสิ่งไหนไม่ชัดเจนผ่านโซเชียลมีเดียให้เรียกมาสอบทุกราย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย และตนเองก็ต้องรักษาศักดิ์ศรีของตำรวจดีๆ เอาไว้ด้วย ไม่ใช่ผิดไปทุกอย่าง ติมันง่าย ให้กำลังใจบ้างเป็นหรือไม่” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว
ส่วนเรื่องน้ำท่วม พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีการแก้ปัญหาเรื่องน้ำมาโดยตลอด หากย้อนดูใน 8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ทำอะไรไปบ้าง และหากย้อนกลับไปดูว่าปี 2554 นั้นเป็นอย่างไร ขณะที่ในช่วงรัฐบาลของตนเองนั้นเป็นอย่างไร การที่จะติหาว่าน้ำท่วมเพราะรัฐบาลไม่แก้ปัญหาเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง ขณะที่สถานการณ์น้ำแล้งในปี 2555-2565 พบว่าปริมาณหมู่บ้านที่เป็นพื้นที่ภัยแล้งก็มีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง
พล.อ. ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ประเทศติดหล่ม ยังก้าวข้ามเรื่องรายได้ไม่ได้ก็โทษตนเอง ที่ผ่านมาเกิดความขัดแย้งในการเมืองหลายครั้ง ประเทศเดินหน้าไม่ได้ การลงทุนหยุดชะงัก ไม่เชื่อมั่นในเสถียรภาพ ไม่มียุทธศาตร์ในการบริหารราชการแผ่นดิน และที่บอกว่า 8 ปีที่ผ่านมาเราไม่มีผลงาน ไม่ได้รับการตอบรับจากต่างประเทศ ท่านต้องฟังเวลาเขาประเมินว่าไทยได้อันดับ 8 ของโลก ระบบสาธารณสุขดีที่สุดในโลก
ส่วนการลงทุนใน EEC โครงการที่มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนได้เริ่มมีการลงทุนจริงแล้ว ข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ได้มีการดำเนินการขอออกบัตรส่งเสริมแล้ว 5,976 โครงการ ได้เริ่มลงทุนตามโครงการแล้ว 4,925 โครงการ หรือคิดเป็นอัตราเฉลี่ยร้อยละ 82 ของจำนวนโครงการที่ออกบัตรส่งเสริมทั้งหมด ซึ่งการลงทุนใน EEC คาดว่าจะเริ่มผลิดอกออกผลได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
ส่วนการท่องเที่ยวในปี 2565 หลังเปิดประเทศ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้าไทยตามเป้า 10 ล้านคน รัฐบาลมั่นใจว่าปี 2566 จะมีชาวต่างชาติมาเยือนไทยไม่น้อยกว่า 23.5 ล้านคน และสร้างรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ที่ตนเองเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินในปี 2558 นั้นรายได้มีการเพิ่มมากขึ้น และได้นำไปดูแลประชาชน ทั้งโครงการคนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประกันสุขภาพ ยกระดับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ส่งเสริมการตรวจคัดกรองโรคต่างๆ
“คงใช้เวลาเยอะพอสมควรแล้ว เมื่อย เพราะทำเยอะ เมื่อยพูด เดี๋ยวผมจะเอาไปออกโซเชียลมีเดีย ให้ทีมโฆษกชี้แจง” พล.อ. ประยุทธ์กล่าวทิ้งท้าย
