วันนี้ (31 สิงหาคม) พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ไม่สุจริต ฉ้อฉล กู้เงินเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจจัดงบประมาณโดยไม่เข้าใจปัญหาของประเทศและประชาชน ปรนเปรอแต่กองทัพเพื่อใช้เป็นฐานอำนาจของตน ปฏิบัติหน้าที่โดยใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ไม่สนใจชีวิตความเป็นอยู่และความทุกข์ยากของประชาชน ใช้กฎหมายและอาวุธที่ซื้อจากภาษีของประชาชนเป็นเครื่องมือขู่ปราบปรามประชาชน ลิดรอนสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนโดยไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีคนใดปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน
ย้อนกลับไปในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562 ไม่ว่าตนจะไปหาเสียงที่ไหนก็มีทหารติดตามไปหมด ซึ่งเชื่อว่าทุกพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เป็นปรปักษ์กับนายกรัฐมนตรีก็ต้องโดนแบบนี้ ซึ่งแผนที่ทหารจะถูกลงโทษกลับถูกสนับสนุนกันอีก หลังจากเลือกตั้งเสร็จแล้วบัตรเลือกตั้งของพรรคเสรีรวมไทยกลับเป็นบัตรเสียทุกที ซึ่งเมื่อคำนวณจำนวน ส.ส. พึงมีพรรคเสรีรวมไทยจะต้องได้ ส.ส. จำนวน 11 คน แต่กลับได้เพียง 10 คน จนกระทั่ง พล.อ. ประยุทธ์ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี และเมื่อขึ้นเป็นนายกฯ แล้วก็ถวายสัตย์ไม่ครบ ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. นำเรื่องนี้มาตรวจสอบก็นำคนมาป่วน
“ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีไม่ได้รู้กฎหมายเลย ท่านเป็นทหารไม่ได้เรียนมา ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เมื่อท่านอยากเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วท่านก็ต้องรู้กฎหมาย ไม่อย่างนั้นท่านก็จะออกคำสั่งและออกระเบียบที่ผิดพลาดมาโดยตลอด รวบอำนาจ คุมทุกอย่าง ยึดติดการสั่ง ไม่ฟังคนอื่นเพราะท่านเคยเป็นทหาร สั่งทหารซ้ายหัน ขวาหัน เอาแต่ใจตนเองและพวกพ้องตลอดเวลา และเมื่อเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี อันดับแรกคือกู้เงินหาเงินไม่เป็น ไม่เคยหาเงินให้ประเทศ มีแต่กู้ทุกปีจนได้ฉายาเป็นนักกู้ลุ่มน้ำเจ้าพระยาไปแล้ว ทั้งหมดนี้จึงเป็นคุณสมบัติที่ พล.อ. ประยุทธ์ไม่สามารถที่จะดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งหากยังดำรงตำแหน่งก็จะทำให้ประเทศเสียหายเป็นอย่างยิ่ง” พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าว
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ยังกล่าวด้วยว่า การกู้เงินไปใช้ประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจจะเห็นได้ว่า พล.อ. ประยุทธ์ ตั้งงบประมาณเกินงบดุลในทุกปีตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง จนถึงปัจจุบันกู้เงินไปแล้ว 5.3 ล้านล้านบาท นอกจากนั้น พล.อ. ประยุทธ์ยังกู้เงินเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจ จัดงบประมาณโดยไม่เข้าใจปัญหาของประเทศและประชาชน โดยประชาชนต้องการเพียงปัจจัย 4 อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักโรค แทนที่จะตั้งงบประมาณเพื่อประชาชน กลับตั้งไปยังโครงการต่างๆ เพื่อให้ได้เงินทอน หรือเรียกว่าตั้งงบประมาณเผื่อโจร จึงไม่สามารถที่จะไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ ตนจึงขอไม่ไว้วางใจในวันนี้ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องรอลงมติในวันที่ 4 กันยายน