วันนี้ (2 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา มีการประชุมเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเป็นวันที่สาม ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ ณ ห้องประชุมพระสุริยัน ชั้น 2 ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม – 3 กันยายน 2564 และจะลงมติในวันที่ 4 กันยายน 2564 โดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ภายใต้การแพร่ระบาดอย่างหนักของโควิดสายพันธุ์เดลตา รัฐบาลก็ได้ออกมาตรการเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรค และมีหลักการในการช่วยเหลือประชาชนเพื่อลดความเจ็บป่วยได้มากขึ้น จนลดอัตราการตายและเจ็บป่วยไปได้เยอะ
พล.อ. ประยุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลได้นำเข้าวัคซีนมาแล้ว ระวังคำพูด อย่าไปด้อยค่าวัคซีนต่างๆ เพราะจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ ยิ่งสุดท้ายหากถึงเวลาจำเป็นแล้วประเทศต้นทางที่ผลิตวัคซีนไม่ยอมส่งมาให้ไทยจะทำอย่างไร ทั้งที่ผ่านมาเราก็ได้ฉีดวัคซีนที่ฝ่ายค้านหลายคนด้อยค่าไปแล้วเป็นจำนวนมาก ส.ส. หลายคนที่นั่งในสภาแห่งนี้ก็ฉีด โดยได้มีการผสมวัคซีนหลายยี่ห้อด้วยกัน รัฐบาลก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้สามารถเกิดความร่วมมือในการจัดหาวัคซีนต่างๆ รวมทั้งการคิดสูตรไขว้วัคซีน แลกวัคซีนกัน วัคซีนต่างๆ ตนก็ไม่เคยต้องไปอ้อนวอนประเทศอื่นๆ ให้เขาส่งมอบวัคซีนให้ไทย ที่เขาให้มานั้นเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีที่เรามีต่อกันในอดีต ทั้งนี้ รัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อติดต่อขอซื้อวัคซีน ซึ่งต้องจัดทำอย่างถูกต้องตามขั้นตอน แน่นอนว่าต้องผ่านสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ด้วย ดังนั้นอย่าไปสร้างความด่างพร้อยให้การทำงานของ อย. ต้องเชื่อมั่น อย. บ้าง
“เราโชคดีที่มีโรงงานเป็นฐานการผลิตวัคซีน AstraZeneca เพื่อกระจายในตลาดกลุ่มประเทศอาเซียน วันนี้เรายังผลิตได้น้อยอยู่ แต่เราก็ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาแล้ว ในอนาคตเราจะผลิตยาต่างๆ ได้มากขึ้นเพื่อกระจายไปยังประชาชนและตลาดกลุ่มประเทศอาเซียน เราอยากใช้ AstraZeneca เป็นวัคซีนหลักในประเทศ โดยผสมกับวัคซีน Sinovac รวมทั้งวัคซีนทางเลือกโดยเอกชน ซึ่งก็ต้องผ่าน อย. ด้วย เวลานี้เราฉีดไปแล้วเป็นลำดับที่ 25 ของโลก คาดว่าในปีนี้จะฉีดได้ครบตามที่ตั้งเป้าไว้” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว และระบุว่า
ขอบคุณความทุ่มเททุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน แนะคนอย่าไปคิดเอาเอง เพราะถ้าคิดแล้วพูดโดยไม่ทำอะไรเลยมันก็ง่ายไปหมด และชี้แจงว่า ที่ไม่เข้าร่วมโครงการ COVAX นั้น ตนไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่ผิดพลาด เพราะหากมองจากผลประโยชน์ในภาพรวมของประเทศ ถ้าเข้าร่วมต้องวางมัดจำในวงเงินที่สูงและกำหนดระยะเวลารับวัคซีนไม่ได้ด้วย หลายประเทศที่เข้าร่วมก็เลือกวัคซีนไม่ได้ นอกจากนี้หลายประเทศก็มีการกักตุนวัคซีนก่อนทยอยกระจายให้ประเทศต่างๆ ที่จองผ่าน COVAX สำหรับประเทศไทยได้รับวัคซีน AstraZeneca มาโดยตรง ถือว่าได้รับวัคซีนมาในปริมาณที่มากกว่าในหลายประเทศ โดยจะได้รับจนครบทุกโดสในเดือนธันวาคมนี้
“ประเทศที่ฉีด mRNA เป็นหลักก็พ่ายแพ้ให้เดลตาทั้งหมด กลับมาระบาดใหม่ เราก็ต้องมาศึกษา มันไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกประเทศก็ได้รับผลกระทบกันหมด คณะแพทย์เราก็มาคิดค้นสูตรไขว้เพื่อป้องกันได้ดีขึ้น ฉีดได้เร็วขึ้น ที่มาบอกว่าไม่มีการรับรองนั้นอยากถามว่าทำไมไม่เชื่อหมอ ไม่เชื่อคณะทำงานวิชาการของเราหรือ แล้วมาถามว่าทำไมยังใช้วัคซีน Sinovac ก็เป็นเพราะ WHO ยืนยันแล้วว่าป้องกันได้ ทั้งนี้ ก็เห็นตายกันหมด จะกันไม่ให้ตายเลยก็ยังไม่เห็นมีใครทำได้ในโลกนี้ นอกจากนี้เราสามารถสั่งซื้อ Sinovac ได้ตามเวลาและจำนวนที่ต้องการ ทั้งยังมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย การด้อยค่าวัคซีนถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มาพูดด้อยค่าคนอื่นแล้วพรุ่งนี้อาจไปเป็นข่าวในประเทศที่เขาผลิควัคซีนก็อาจสร้างปัญหาก็ได้ ขอให้ใช้ภูมิปัญญาเวลาจะกล่าวอะไรออกไปด้วย” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมายอดผู้ป่วยก็ลดลง แสดงว่าสิ่งที่เราทำก็มีผล แต่ก็ยังต้องระมัดระวังตัวเองกันด้วย อย่าเผลอลืมเลยเด็ดขาด ตนไม่ได้โทษประชาชน แต่ขอความร่วมมือ หลายคนในที่นี้ก็ทำให้ตนต้องขัดแย้งกับประชาชน ไม่ทราบว่าต้องการอะไร นอกจากนี้ยังเอารูปคนที่อยู่ข้างถนนบ้างอะไรบ้าง มันก็มีมาตั้งนานแล้ว ต่างประเทศก็มี ไปดูส่วนที่เขามีปัญหาบ้าง หลายคนพูดเหมือนบางครั้งชื่นชมต่างประเทศ ดิสเครดิตในประเทศตลอด แล้วจะเกิดความร่วมมือกันได้อย่างไร ทั้งนี้ ตนก็เห็นใจทุกคน แต่ก็ต้องมองโลกภายนอกด้วย ถ้ามัวแต่ตีกันก็ทำไม่ได้ คงต้องช่วยกันรับผิดชอบ ขอความร่วมมือกับประชาชน เพื่อจะได้เดินหน้าไปสู่การเปิดประเทศให้ได้
นอกจากนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการปฏิรูประบบการศึกษาว่า ที่ผ่านมามี ส.ส. บอกว่าเราพยายามให้คนโง่เพื่อให้ปกครองได้ง่าย อยากบอกว่าวันนี้ประชาชนไม่โง่แล้ว เขารู้ว่าใครทำอะไรบ้าง แต่ก็มีคนไปสนับสนุนในทางที่ไม่ถูกต้อง ที่ผ่านมาก็มีการปฏิรูปการเรียนการสอนเพื่อให้ครูได้สอนนักเรียนมากขึ้น เราเสริมสร้างโอกาสในการเรียนรู้เพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนไปของโลก มีการบูรณาการต่างๆ ซึ่งจะมีปัญหาแน่นอน แต่เมื่อทำไปเรื่อยๆ จะดีขึ้นเอง
“รัฐบาลที่แล้วไม่เห็นมีอะไรใหม่ๆ ดีขึ้นเลย แล้วก่อนหน้านี้มีการปรับลดวิชาเรียนประวัติศาสตร์ที่หลายคนคิดว่าไม่จำเป็น เราก็เอากลับเข้ามาทั้งหมด รวมทั้งหน้าที่พลเมืองในฐานะคนไทย ให้รู้ว่าตัวเองมาจากไหน หลายคนถ้าไม่รักชาติจะพูดจาไปเรื่อยเปื่อย เพราะไม่รู้ว่าตัวเองมาจากไหน เกิดที่นี่ ตายที่นี่ บรรพบุรุษอยู่ที่นี่มาตลอด จะไม่รักได้อย่างไร” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว
โดยระหว่างที่ พล.อ. ประยุทธ์ แถลงนั้น จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่า นายกฯ ตอบกระทู้ไม่ตรงกับที่ฝ่ายค้านเสนอ ทั้งนี้ เมื่อ พล.อ. ประยุทธ์ เห็นว่าจุลพันธ์ยกมือขึ้นคัดค้าน ก็กล่าวตัดจบการแถลงของตนแค่ว่า “ผมพอแค่นี้ล่ะ จบแล้ว”
