วันนี้ (2 กันยายน) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ชี้แจงกรณีข้อสงสัยความปลอดภัยของการฉีดวัคซีนสูตรไขว้
นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับคณะกรรมการวิชาการ บริหารจัดการควบคุมป้องกันโรค วัคซีน และการรักษา ซึ่งข้อมูลที่มีการนำมาใช้ประกอบการอภิปรายส่วนใหญ่เป็นเทคนิคทางวิชาการ อาจสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อน จึงได้ขอชี้แจงใน 3 ประเด็น คือการระบาดของโรคโควิด ประสิทธิผลของวัคซีนต่อเชื้อกลายพันธุ์ และแนวทางการรักษาผู้ติดเชื้อ
นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า ในการบริหารจัดการเรื่องวัคซีน ดำเนินการภายใต้คณะกรรมการวิชาการจากทุกสาขา ได้คิดค้น พัฒนา ปรับปรุง ทั้งการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ดูแลบำบัดรักษาและให้วัคซีนครบวงจร ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงปัจจุบันฉีดไปแล้ว 32 ล้านโดส เป็นไปตามแผนการจัดการวัคซีน ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดและคุ้มค่าที่สุดภายใต้หลักฐานทางวิชาการที่ได้มีการวิจัย ทดลอง สังเกต นำมาประยุกต์ใช้ โดยวัคซีนสูตรไขว้ Sinovac ตามด้วย AstraZeneca จะเป็นวัคซีนพื้นฐานที่ฉีดให้กับประชาชน ยืนยันว่ามีความปลอดภัย ระยะต่อไปเมื่อมีวัคซีนเข้ามามากขึ้น ทั้ง AstraZeneca, Pfizer, Moderna, Sinopharm จะหาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพวัคซีนให้ทันกับสถานการณ์ สู้กับการกลายพันธุ์ของไวรัส เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน
ด้าน นพ.ศุภกิจกล่าวว่า วัคซีนทุกชนิดในโลกตั้งต้นมาจากสายพันธุ์อู่ฮั่น แต่ไวรัสมีการกลายพันธุ์ตลอดเวลาเป็นสายพันธุ์จี อัลฟา เบตา ปัจจุบันในไทยพบเป็นสายพันธุ์เดลตา กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับคณะผู้เชี่ยวชาญวิจัยติดตามภูมิคุ้มกันจากวัคซีน นำมาสู่การบริหารจัดการฉีดสูตรไขว้ Sinovac เป็นเข็มแรก ตามด้วย AstraZeneca พบมีประสิทธิผลเทียบเท่าฉีด AstraZeneca 2 เข็ม แต่สามารถฉีดได้รวดเร็วและครอบคลุม 2 เท่า รวมทั้งแผนฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ในผู้ฉีดวัคซีน Sinovac 2 เข็มโดยใช้วัคซีนต่างชนิดกัน จำนวน 3 ล้านคน โดยงานวิจัยดังกล่าวกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลอยู่ระหว่างการเสนอตีพิมพ์ ซึ่งกระบวนการใช้เวลานาน ในสถานการณ์เร่งด่วนและฉุกเฉินไม่สามารถรอตีพิมพ์ก่อนแล้วมาบริหารจัดการได้
“วัคซีนสูตรไขว้ฉีดแล้วกว่า 1.5 ล้านคน มีความปลอดภัย ขออย่าพูดอะไรที่ทำให้ประชาชนสับสน ขณะนี้ไม่ได้ฉีด Sinovac 2 เข็มแล้ว แต่เป็นสูตรไขว้” นพ.ศุภกิจกล่าว
ด้าน นพ.โอภาสกล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความรู้ใหม่ทั้งตัวเชื้อและวัคซีนเปลี่ยนตลอดเวลา จึงต้องปรับให้ทันสถานการณ์เพื่อประโยชน์ของคนไทย สายพันธุ์เดลตาประสิทธิภาพวัคซีนลดลงทุกตัว แต่ยังป้องกันป่วยรุนแรงและเสียชีวิต จึงต้องเพิ่มประสิทธิผลของวัคซีนที่มีจำกัด ดังนั้นคณะผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านโรคติดเชื้อ ด้านวัคซีนและด้านระบาดวิทยาเป็นต้น ได้ร่วมกันสรุปหาข้อวินิจฉัยโดยอ้างอิงหลักฐานทางวิชาการที่ประเทศไทยมีและทั่วโลก ทั้งจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไบโอเทค คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ข้อมูลตรงกันว่าสูตรไขว้มีประโยชน์ โดยผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการวิชาการ ภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติถือว่ามีความรอบคอบรอบด้าน
ส่วน นพ.มานัสกล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด ได้ร่วมกับคณะแพทย์และคณะผู้เชี่ยวชาญจากภาคส่วนต่างๆ ร่วมกันกำหนดแนวทางการรักษามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการระบาดของโรคโควิดในระลอก 3 มีการกำหนดและปรับแนวทางการรักษาให้สอดคล้องกับสถานการณ์บนพื้นฐานข้อมูลทางวิชาการและผ่านการพิจารณาของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (ศปก.สธ.) เพื่อประกาศใช้ทั่วประเทศ ล่าสุดได้ปรับแนวทางให้ผู้ป่วยโควิดได้รับยาฟาวิพิราเวียร์เร็วขึ้นในผู้ติดเชื้อที่เริ่มมีอาการเล็กน้อยและกลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่มีอาการ ทำให้ฟื้นตัวได้เร็วและได้นำไปใช้ใน HI/CI โดยกระจายยาไปยังสถานพยาบาลทั่วประเทศ และยังให้ยาฟ้าทะลายโจรในผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการและไม่มีโรคประจำตัวอีกด้วย