วันนี้ (2 กันยายน) มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า นับแต่ที่ไทยตรวจพบคนไทยคนแรกที่ติดเชื้อโควิด ในวันที่ 31 มกราคม 2563 หลังจากนั้นตลอดปี 2563 ก็มียอดผู้ติดเชื้อ 6,884 คน เสียชีวิต 61 คน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 จนถึงเดือนสิงหาคม กลับมียอดติดเชื้อพุ่งสูงถึง 1,175,866 คน เสียชีวิตอีก 11,495 คน ซึ่งเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่กว่าสงครามใดๆ ที่ผ่านมา ในขณะที่การใช้จ่ายงบประมาณของรัฐยังกลับเบิกจ่ายฟุ่มเฟือยเหมือนเดิม ย้อนดูตั้งแต่ปี 2563 เบิกจ่าย 3.2 ล้านล้านบาท ปี 2564 เบิกจ่าย 3.28 ล้านล้านบาท และในปี 2565 เตรียมเบิกจ่ายอีก 3.1 ล้านล้านบาท ซึ่งหากไทยมีการจัดสรรที่ดีอาจไม่ต้องเบิกจ่ายมหาศาลเช่นนี้
นอกจากนี้ รัฐบาลยังตัดสินใจผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในเรื่องของการกู้เงินช่วงสถานการณ์โควิด ซึ่งมีการกู้ทั้งสิ้น 1.5 ล้านล้านบาท โดย 1 ล้านล้านบาท ที่กู้เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2563 จนวันนี้เบิกจ่ายได้เพียง 25.83% และส่วน 5 แสนล้านบาท ที่นำไปสร้างแอปพลิเคชันเป๋าตัง หรือแอปฯ ตัวแม่ ประกอบกับนำไปจัดสรรวัคซีน ซึ่งจัดซื้อ Sinovac ฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายอายุ 18-60 ปี ทั้งที่ในเวลานั้นองค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ยังไม่รับรอง ทำไมคนไทย 40 ล้านคนต้องถูกบังคับฉีดวัคซีน Sinovac เพียงยี่ห้อเดียว
มิ่งขวัญพยายามชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดอีกหลายประการ ทั้งประสิทธิภาพของวัคซีน Sinovac 2 เข็ม ที่มีภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์ต่างๆ ด้อยที่สุดกว่าทุกยี่ห้อ การตัดสินใจซื้อวัคซีน Sinovac แทนที่จะเป็น Sinopharm การตัดสินใจฉีดวัคซีนสูตรไขว้ และผลกระทบจากการไม่เข้าร่วมโครงการ COVAX รอบแรก ไปจนถึงความผิดพลาดจัดซื้อชุดตรวจ ATK และการปิดแคมป์คนงานที่ล่าช้า จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนสถานการณ์โควิดในประเทศไทย ทำให้เกิดการแพร่กระจายของสายพันธุ์เดลตา จนมีผู้เสียชีวิตมากขึ้นตามมา ราคาพืชผลเศรษฐกิจก็ตกต่ำหรือถูกกดราคา ตั้งแต่ ข้าว ลำไย ยางพารา และทุเรียนใต้
ทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ เกิดปัญหาหนี้ครัวเรือนถึง 14 ล้านล้านบาท ทะลุ 90% ของ GDP และน่าจะทะลุ 100% ขณะที่ต่างชาติก็ฟันธงเศรษฐกิจไทยแย่สาหัส ปีนี้โตต่ำกว่า 0% และสิ่งที่น่ากลัวคือธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยจะใช้เวลาฟื้นตัวจากโควิดนับตั้งแต่ตอนนี้ไปอีก 6 ปี หรือจนถึงปี 2570 เป็นต้นไปเศรษฐกิจไทยจึงจะมีโอกาสฟื้น ต้องมีชีวิตให้อยู่รอดไปจนถึงวันนั้น
“นี่คือบทสรุปว่ารัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์แม้จะไม่เผชิญปัญหาเศรษฐกิจ ก็บริหารไม่เก่ง ไม่รอด เศรษฐกิจพัง ที่ผ่านมาตนเคยกราบให้ พล.อ. ประยุทธ์ลาออก ท่านก็เฉย ครั้งนี้ตนอยากจะกล่าวย้ำอีกครั้งขอให้ท่านลงจากเก้าอี้ ให้คนไทยคนอื่นๆ ที่มีความสามารถ เข้าใจปัญหา วิเคราะห์ปัญหาได้ถูกต้องได้มาแก้ไขปัญหาสถานการณ์อย่างไรคนไทยทุกคนเราจะดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอดและอยู่ไปด้วยกัน ตนจึงขอไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา” มิ่งขวัญกล่าวในที่สุด