วันนี้ (1 กันยายน) จักรพล ตั้งสุทธิธรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าในการอภิปรายครั้งนี้ ตนจะพูดถึงความล้มเหลวภายใต้รัฐบาลที่เสียค่าโง่ที่มากที่สุด และมีนายกรัฐมนตรีแห่งความล้มเหลวของประเทศไทย และครั้งนี้จะถือเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายของรัฐบาลชุดที่ 25 นี้ เนื่องจากตนไม่สามารถที่จะให้ พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกแล้ว ครั้งนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านได้งัดทุกอย่างออกมา ทุ่มสุดกำลังเพื่อที่จะเอาคนที่ชื่อ ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ ออกไปจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตำแหน่งที่เหมาะกับคนที่บริหารประเทศเป็น เห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ ไม่ใช่เพื่อตัวเองและพวกพ้อง คนที่มองประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจและเจ้าของประเทศนี้อย่างแท้จริง ไม่ใช่มองพวกเราเป็นแค่ส่วนเกิน
จักรพลกล่าวว่า ความพังพินาศในการบริหารงานด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความล้มเหลวจากการท่องเที่ยว ในอดีตเป็นที่ทราบกันดีว่าการท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่ที่พยุงเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด สามารถสร้างรายได้มากกว่า 20% ของ GDP และการท่องเที่ยวไทยยังมีศักยภาพในการแข่งขันด้วย เช่น ในปี 2562 World Economic Forum on East Asia ได้จัดอันดับให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย และมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นอันดับที่ 8 ของโลก แต่มาวันนี้เป็นการจัดการที่บ้งมาก ในปี 2562 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาถึง 39.8 ล้านคน สร้างรายได้มากกว่า 3 ล้านล้านบาท แต่ในปี 2563 และ 2564 นักท่องเที่ยวกลายเป็นศูนย์ รายได้จากการท่องเที่ยวหายไปกับตา
ปี 2562 การท่องเที่ยวถือเป็นฮีโร่ของประเทศไทย แต่กลับมาดูในปัจจุบัน การท่องเที่ยวกลายเป็นสุนัขที่ถูกคนตัดหาง เรียกได้ว่าการท่องเที่ยวไทยจากที่เคยเป็นดอกฟ้าตอนนี้กลับกลายเป็นหมาวัด ขณะเดียวกัน หน่วยงานป้องกันและควบคุมของสหรัฐอเมริกาได้ยกระดับคำแนะนำต่อชาวอเมริกันเรื่องการเดินทางมายังประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงระดับ 4 ของโควิด และขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าประเทศไทย
นอกจากนั้น ทางสหราชอาณาจักรได้ประกาศให้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศสีแดง เป็นผลจากอัตราของผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นและมีความเสี่ยงสูงหากเดินทางมาจากประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลต่อระบบสาธารณสุขของสหราชอาณาจักร และล่าสุด เว็บไซต์ Bloomberg จัดอันดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ฟื้นฟูทางด้านโควิดล่าช้าที่สุด นี่เป็นการแสดงให้เห็นสายตาของต่างชาติที่มองมายังไทย ความต้องการต่างๆ ได้หายไปหมด ทั้งการลงทุนที่ถูกโยกย้ายแหล่งการผลิต และการตัดสินใจไม่เดินทางมาไทย ไม่ทราบว่าท่านนายกฯ จะอายหรือไม่ ซึ่งหากเป็นตน ตนจะอับอายมาก ตนจะไม่อยู่ให้คนเกลียดคนแช่ง
จักรพลกล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรียังจำได้หรือไม่ ในวันที่ท่านได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา โดยเฉพาะในข้อที่ 5.4 ด้านการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวที่ท่านขิงไว้ว่า จะพัฒนาคุณภาพและความหลากหลายของการท่องเที่ยว อนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ส่งเสริมรายได้จากธุรกิจการท่องเที่ยวสู่ชุมชน แต่มาวันนี้ที่ท่านขิงไว้กลับกลายเป็นแห้ว ที่พูดมาทั้งหมดท่านทำไม่ได้สักอย่าง พังหมดเพราะการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาลไร้น้ำยา รวมไปถึงกระบวนทัพในการจัดการวัคซีนที่ล้มเหลว มีการเยียวยาแบบชิงโชค มีการปราบม็อบมากกว่าการเหลียวแล ความไม่เห็นหัวประชาชนของรัฐบาลจึงนำมาสู่วิกฤตการณ์ในการท่องเที่ยววันนี้
ทั้งนี้ ตัวเลข GDP จะเป็นเครื่องมือยืนยันฝีมือการบริหารงานประเทศของ พล.อ. ประยุทธ์ ได้เป็นอย่างดี จะเห็นได้ว่า GDP ไตรมาสที่ 2 ในปี 2563 ลดลง 12.1% มาจากการล็อกดาวน์แบบไม่คิด การเยียวยาแบบไม่เห็นหัวประชาชน และการบริหารประเทศแบบไร้สมองของผู้นำประเทศ ซึ่งหากนายกรัฐมนตรียังฝืนบริหารงานอยู่แบบนี้ ยากที่ GDP จะฟื้น นี่จึงเป็นสาเหตุที่ประเทศไทยมีนายกฯ ที่เสียค่าโง่มากที่สุด
“หากนายกรัฐมนตรียังอวดดีอยู่อย่างนี้ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรน่าอวด และหากท่านยังกอดเก้าอี้แน่นอยู่แบบนี้ อย่าคาดหวังว่าเรื่องนี้จะจบสวย เพราะระเบิดเวลาที่ท่านได้ตั้งไว้ตั้งแต่รัฐประหาร ปี 2557 มันใกล้ที่จะระเบิดแล้ว” จักรพลกล่าว
จักรพลกล่าวด้วยว่า นโยบายการท่องเที่ยว Phuket Sandbox ความหวังภาคการท่องเที่ยว เป็นแนวทางความคิดที่ดี แต่เป้าหมายที่วางไว้ นักท่องเที่ยวไตรมาส 3 จะมีนักท่องเที่ยว 1 แสนคน สร้างรายได้ 8.9 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากกับสถานการณ์โควิดขณะนี้ Phuket Sandbox คือความหวังเดียวของภาคท่องเที่ยว นโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการเสนอทางออก เปิด ป้องกัน และฟื้นฟู เปิดประเทศผ่านมาตรการวัคซีนพาสปอร์ต เพื่อไทยเสนอต้นเดือนกุมภาพันธ์แต่รัฐบาลพิจารณาปลายเดือนมีนาคม โครงการจ้างงานโดยเฉพาะโรงแรม ปล่อยเงินกู้ 0% และต้องมีการฟื้นฟูสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ภายใต้มาตรการ 1 อำเภอ 1 แหล่งท่องเที่ยวใหม่ หากรัฐดำเนินมาตรการตามที่เพื่อไทยเสนอไว้ ผลลัพธ์จะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาได้ผ่านการคัดกรองโรคติดต่อ รายได้จะสูงขึ้น 7 เท่า จากที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ขณะนี้
“ขอใช้สิทธิสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฟ้อง พล.อ. ประยุทธ์ ตามมาตรา 47, มาตรา 55 และมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่อาจไว้วางใจนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อีกต่อไป และเพื่อน ส.ส. พรรคเพื่อไทย ชูป้ายหน้า พล.อ. ประยุทธ์ โดยมีข้อความระบุว่า หยุดยุทธ์” จักรพลกล่าวในที่สุด