×

‘เจ้าสัวที่อุ้มชูยังหนีไปลงทุนต่างประเทศ’ จุลพันธ์ซักฟอกประยุทธ์ อวดดี-อวดเก่ง-บริหารทำเศรษฐกิจพังพินาศ

โดย THE STANDARD TEAM
01.09.2021
  • LOADING...
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์

วันนี้ (1 กันยายน) จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยกล่าวว่า การบริหาร 8 ปีของนายกฯ ทำประเทศล้มเหลว พังพินาศ ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนและคนรวย สิทธิประชาชนถูกลดทอน ความขัดแย้งในสังคมมากขึ้น เป็น 8 ปีที่ทนทุกข์ทรมานของคนไทยทั้งชาติ 

 

จุลพันธ์กล่าวว่า รัฐบาลรับปากว่าคนไทยจะได้รับวัคซีนเต็มแขน 50 ล้านคน คนละ 2 โดส ซึ่งเป็นวัคซีน AstraZeneca แต่วัคซีนที่ได้รับกลับเป็น Sinovac สองเข็ม ซึ่งมีประสิทธิภาพที่น้อยกว่า AstraZeneca และวัคซีนอื่นๆ หรือแม้แต่สูตรไขว้ แล้วเมื่อไรจะได้รับเข็ม Booster ขณะที่บางรายยังไม่ได้รับแม้แต่เข็มแรก สะท้อนการบริหารโควิดของรัฐบาลล้มเหลวไม่เป็นท่า 

 

นอกจากนี้ยังเกิดความล้มเหลวและพังพินาศในระบบเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลชุดนี้ ทั้งการท่องเที่ยว บริการ อุตสาหกรรม SMEs ภาคแรงงาน Digital Economy และภาคการเกษตร เรียกได้ว่าในประเทศไทยไม่มีใครที่รอดพ้นจากความล้มเหลวและพังพินาศจากการบริหารเศรษฐกิจของ พล.อ. ประยุทธ์ 8 ปีเศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตรั้งท้ายในภูมิภาคเกือบทุกด้าน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจแบบ Worst Case Scenario เกิดจากการไร้ความสามารถของผู้นำ แต่ยังอวดเก่ง อวดดี ทั้งยังแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้นำเศรษฐกิจตลอด 8 ปี ขณะที่ข้อมูลคาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้จะตกต่ำ ติดลบ 1.5% และจากมุมมองของนักลงทุนต่างประเทศ 70% ยังมองตรงกันว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้น้อยกว่า 0 ในขณะที่รอบโลกขยายตัวแล้ว 6 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังมีรายงานคาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะเจอปัญหาติดลบ 2 ปีซ้อนเช่นเดียวกับเวเนซุเอลาและภูฏาน อีกทั้งยังพบว่า มีคนยากจนในประเทศไทยถึง 7 ล้านคน แต่รัฐบาลก็แก้ปัญหาแบบเก่งแต่กู้ เกิดการแจกบัตรคนจน ต่อไปคงได้แจกบัตรขอทาน เพราะการบริหารที่พังพินาศและล้มเหลวด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจะโทษโควิดไม่ได้ แต่ต้องโทษ พล.อ. ประยุทธ์ 

 

จุลพันธ์กล่าวอีกว่า การบริหารเศรษฐกิจที่พังพินาศยังนำมาสู่การล็อกดาวน์เศรษฐกิจ ซึ่งกระทบความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2-3 แสนล้านบาทต่อเดือน การล็อกดาวน์แบบไร้แบบแผน เยียวยาก็เหมือนจะชิงโชค สร้างภาระให้กับประชาชนอย่างหนัก และผู้นำไทยยังระบุจะใช้อู่ฮั่นโมเดล ซึ่งหากมีการล็อกดาวน์ร้อยเปอร์เซ็นต์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลจริง จะกระทบต่อเศรษฐกิจถึง 47% แล้วคนไทยจะเดินหน้าอย่างไร ซึ่งสะท้อนว่ารัฐบาลดีแต่พูด แต่ไม่เข้าใจระบบเศรษฐกิจแต่อย่างใด 

 

“การบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลวนี้ยังกระทบไปถึงจำนวนผู้ว่างงานในระบบที่มีถึง 1 ล้านคน เด็กจบใหม่ทั้งหมดแทบจะหางานทำไม่ได้ จนต้องเอามาขับไล่ประท้วง ขณะที่กลุ่มเสมือนว่างงานก็หารายได้ไม่เพียงพอจุนเจือครอบครัวอีก 3-4 ล้านคน ถ้าตัวเองไม่ฉลาดก็ไปลอกการบ้านเพื่อนบ้านมาได้ เช่น มาตรการคงการจ้างงาน แต่ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ทำ นี่คือรัฐบาลไทย” จุลพันธ์กล่าว 

 

จุลพันธ์กล่าวต่อไปว่า ด้านความสามารถการแข่งขันประเทศไทยก็ตกต่ำไปมาก จากที่เคยเป็นพี่ใหญ่ในภูมิภาค ก็กลายเป็นคนป่วยแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และข้อมูลจากธนาคารเกียรตินาคินรายงานผลเกี่ยวกับโลกหลังโควิด เศรษฐกิจไทยอาจไม่กลับไปเติบโตได้เหมือนเดิมแล้ว แม้แต่เจ้าสัวที่ พล.อ. ประยุทธ์ อุ้มชู ก็แห่ขนเงินไปลงทุนนอกประเทศ 

 

ในขณะที่ภาคเอกชนอ่อนแอลงทุกวัน ภาครัฐกลับสะสมปัญหาโกยไว้ใต้พรม ซึ่งจะเป็นภาระในการแก้ไขในอนาคต นั่นก็คือภาระของรัฐบาลชุดต่อไปและลูกหลานในอนาคต 8 ปีที่ผ่านมารัฐบาลกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและกู้ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน อีก 1.5 ล้านบาท รวมกู้ไม่ต่ำกว่า 6 ล้านบาท ทำให้ระดับหนี้สาธารณะจากเดิมวันที่ พล.อ. ประยุทธ์ เข้ามาทำหน้าที่มีหนี้กว่า 5 ล้านล้านบาท แต่ปัจจุบันสิ้นปีงบประมาณนี้จะไปแตะที่ 9 ล้านล้านบาท สะท้อนว่า รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ รู้จักแต่กรณี ไม่มีปัญญาหารายได้เข้ารัฐ หาเงินมาชำระหนี้ 


“ถ้ารัฐบาลบริหารจัดสรรวัคซีนเป็น ก็คงไม่ต้องไปกู้เงินเพิ่มเพื่อมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจมากมายมหาศาล และ พล.อ. ประยุทธ์ ต้องสำเหนียกว่าเรายืมเงินในอนาคตของลูกหลานมาใช้ ไม่ใช่เงินของ พล.อ. ประยุทธ์ ลุงตู่เป็นคนใช้เงิน หลานตู่เป็นคนใช้หนี้ หมายความว่าประเทศไทยในอนาคตข้างหน้าเราจะพัฒนาได้ยากขึ้น เพราะเงินล่วงหน้าเราดึงมาใช้แล้ว ลูกหลานในอนาคตจะต้องเริ่มต้นในชีวิตด้วยหนี้สินก้อนโตที่ พล.อ. ประยุทธ์ เป็นคนก่อขึ้น” จุลพันธ์กล่าวในที่สุด

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X