×

ผู้บริหารกองทุนระดับโลกเตือนภัยวิกฤตราคาน้ำมันพุ่ง เสี่ยงจุดชนวนความขัดแย้งทางสังคมทั่วโลก

27.10.2021
  • LOADING...
ราคาน้ำมัน

สตีเฟน ชวาร์ซแมน มหาเศรษฐีนักลงทุน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) Blackstone บริษัทบริหารจัดการการลงทุนชั้นนำระดับโลก แสดงความเห็นกับทางสถานีโทรทัศน์ CNN ระหว่างเข้าร่วมประชุมด้านพลังงานในซาอุดีอาระเบีย โดยเตือนว่าราคาพลังงาน เช่น น้ำมัน ที่พุ่งสูงขึ้นในเวลานี้ จะก่อให้เกิดเหตุไม่สงบหรือความขัดแย้งวุ่นวายทางสังคมในหลายพื้นที่ทั่วโลก

 

โดยชวาร์ซแมนอธิบายว่า ภาวะขาดแคลนพลังงานจะทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้น เมื่อราคาน้ำมันแพงขึ้นก็จะดันให้ราคาสินค้าและบริการต่างๆ แพงขึ้นด้วยเช่นกัน เดือดร้อนถึงปากท้องประชาชนจนทนไม่ไหวและต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องเพื่อให้รัฐจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น

 

ชวาร์ซแมนคาดการณ์ว่า สิ่งที่จะได้เห็นก็คือผู้คนทั่วโลกที่ไม่มีความสุข โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Market) และสิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้ก็คือความไม่สงบของจริง ที่จะท้าทายระบบการเมืองของรัฐบาล

 

นอกจากนี้ ราคาต้นทุนที่พุ่งขึ้นจะทำให้บรรดาผู้ผลิตน้ำมันส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ประสบปัญหาสภาพคล่อง ไม่สามารถดำเนินการขุดน้ำมันต่อไปได้ ทำให้ซัพพลายน้ำมันยิ่งขาดแคลน กลายเป็นวงจรอุบาทว์ไม่จบสิ้น ดังนั้น ในมุมมองของชวาร์ซแมน จึงแนะให้ภาครัฐเร่งหาทางคลี่คลาย ทั้งร่วมเจรจากับประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ รวมถึงเตรียมแผนสำรองลดการพึ่งพาพลังงานน้ำมัน หาพลังงานทางเลือกเพื่อเป็นทางออกในระยะยาวต่อไป

 

ความเห็นของชวาร์ซแมนครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งขึ้นเกิน 85 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี 

 

ขณะเดียวกัน ในส่วนของความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นเรื่องภาวะเงินเฟ้อในขณะนี้เริ่มแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน คือฝ่ายที่ยังเชื่อมั่นว่าภาวะเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว 

 

ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าสถานการณ์เงินเฟ้อมีแนวโน้มลากยาว ซึ่งรวมถึง แจ็ค ดอร์ซีย์ ผู้ก่อตั้ง Twitter และ Square ที่ออกโรงเตือนภาวะ Hyperinflation หรือภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรง ซึ่งเป็นภาวะเงินเฟ้อที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้น สวนทางกับค่าเงินที่ลดลง

 

อย่างไรก็ตาม งานนี้ แคธี วูด ราชินีนักลงทุนผู้ก่อตั้ง ARK Investment ได้ลุกขึ้นมาแย้ง โดยอ้างถึงความผิดพลาดของตนที่เคยเกิดขึ้นในปี 2008-2009 ซึ่งเป็นช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เริ่มลดการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยครั้งนั้นวูดคิดว่าเงินเฟ้อจะพุ่งทะยาน แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นภาวะเงินเฟ้อกลับปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 

 

วูดประเมินว่า แนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่จะชะลอการพุ่งขึ้น บวกกับการสต๊อกสินค้าของบริษัทและคลี่คลายปัญหาซัพพลายได้ รวมถึงการเกิดขึ้นของนวัตกรรมใหม่ๆ จะช่วยให้ภาวะเงินเฟ้อลดลงอยู่ในระดับปกติได้ในที่สุด

 

อ้างอิง:

 


ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth

Instagram: instagram.com/thestandardwealth

Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising