ย้อนกลับไปเมื่อปี 2021 ที่คำว่า ‘คริปโต’ ถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลายทั้งในหมู่คนทั่วไปและภาคธุรกิจ โดยในปีนั้นหัวข้อเกี่ยวกับ ‘คริปโต’ เป็นสิ่งที่ผู้คนพูดคุยกันมากที่สุดถึง 6.6 ล้านครั้งบนเว็บไซต์ Reddit เว็บบอร์ดที่รวบรวมกระทู้สนทนาใหญ่ที่สุดของโลก
เมื่อผู้คนให้ความสนใจมากขนาดนั้น คนที่มีหัวธุรกิจบางกลุ่มก็ยากที่จะมองข้ามโอกาสในการสร้างบริษัทเพื่อจะเกาะไปกับเทรนด์ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนและผู้คนจำนวนมากกำลังคลั่งไคล้ แต่แล้วผู้ประกอบการหน้าใหม่สายคริปโตจำนวนมากก็ต้องกลับลำตั้งแต่ช่วงกลางปี 2022 เมื่อบรรยากาศที่ร้อนแรงของโลกคริปโตเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูหนาวอันรุนแรง
Wall Street Jounal ได้สัมภาษณ์หนึ่งในผู้ประกอบการสตาร์ทอัพนามว่า Chris Horne ที่ได้รับเงินระดมทุนระยะเริ่มต้น (Seed Round) มา 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเปิดบริษัท Filta ที่ตอนแรกตั้งใจเป็นแพลตฟอร์มซื้อขาย Non-Fungible Tokens (NFT) แต่เมื่อความคิดของผู้คนต่อ ‘คริปโต’ ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว Chris ก็จำที่จะต้องเปลี่ยน โดยเขาโยนไอเดียแพลตฟอร์ม NFT ทิ้งไปและหันมาโฟกัสกับอุตสาหกรรมใหม่ที่น้อยคนจะไม่รู้จักในตอนนี้อย่าง AI
Chris เป็นหนึ่งคนในกลุ่มผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพที่ละทิ้งธุรกิจคริปโตของพวกเขาเพื่อไปทำสิ่งที่เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์แทน เนื่องจากในปัจจุบันความสามารถของการสร้างรายได้ระหว่าง 2 อุตสาหกรรมที่ห่างกันค่อนข้างมาก จากการที่ Wall Street Jounal ได้พูดคุยกับนักลงทุนและนักวิเคราะห์พวกเขามองว่า ผู้ประกอบการได้ปรับโครงสร้างบริษัทสตาร์ทอัพของใหม่เพื่อหวังจะได้ประโยชน์จากกระแสในตอนนี้ โดยข้อมูลจาก PitchBook เผยว่า บริษัทคริปโตเดิมหลายแห่งได้ผันตัวกลายไปเป็นบริษัท AI แล้ว
ประเด็นนี้ทำให้นักลงทุนสนับสนุนสตาร์ทอัพอย่าง Pete Flint ไม่สบายใจ เพราะผู้ประกอบการสตาร์ทอัพบางกลุ่มตั้งใจฉวยโอกาสเพียงเพราะต้องการจะทำเงิน “คนกลุ่มนี้มีแต่จะมองหาช่องทางการทำกำไรเร็วๆ เปลี่ยนจากคริปโตมา AI ซึ่งก็เหมือนอย่างที่เคยเกิดกับกระแสคริปโตในตอนนั้นแหละ”
อย่างไรก็ตาม คนที่เห็นต่างอย่าง Paul Hsu ซีอีโอของบริษัท VC ที่สนับสนุนคริปโต กลับชี้ให้เห็นถึงความเป็นเหตุเป็นผลในการตัดสินใจเลือก ‘ทิ้งของเดิมออกไป รับของใหม่เข้ามา’ ของสตาร์ทอัพว่า ปัจจัยหลักที่สำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจประเภทนี้อยู่ที่การปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ฉะนั้นการที่สตาร์ทอัพจะหันออกจากสิ่งที่คนไม่ต้องการมาสู่เทคโนโลยีที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มหาศาล การตัดสินใจเช่นนั้นก็มิใช่เรื่องผิดอะไร
จากจำนวนผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพระยะเริ่มต้นที่ตอนแรกต้องการทำธุรกิจเกี่ยวกับคริปโตและ Paul ได้มีโอกาสพูดคุยในแต่ละสัปดาห์ เขาพบว่า 10% ของผู้ประกอบการหน้าใหม่เหล่านี้เบนความสนใจไปที่ AI แทนแล้ว
ในช่วงที่คริปโตอยู่ในยุคทอง ผู้ประกอบการสามารถหาเงินระดมทุนมาอย่างง่ายดายผ่านไอเดียธุรกิจแบบคร่าวๆ แต่ความง่ายแบบนั้นได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว มูลค่าเงินทุนที่ VC จัดสรรไว้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2023 สำหรับสนับสนุนสตาร์ทอัพสายคริปโตลดลงไปกว่า 86% จากจุดสูงสุดในไตรมาสแรกของปี 2022
สำหรับ Filta ที่ก่อตั้งขึ้นโดย Chris ความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันทำให้เขาได้กลับมาทบทวนทิศทางอนาคตของบริษัทอีกครั้งเมื่อธุรกิจ NFT ที่เคยทำแทบจะไม่มีคนสนใจแล้ว และหลังจากที่เขากับทีมร่วมกันประเมินถึงสิ่งที่จะกอบกู้ธุรกิจให้กลับมาอีกครั้งนั้น พวกเขาก็ได้คำตอบว่าสิ่งนั้นคือ AI
จนในที่สุด Filta ก็ได้ออกแอปพลิเคชันมาหนึ่งตัวชื่อว่า Zoo Pals ที่ให้ผู้ใช้งานสร้างสัตว์เลี้ยง AI สำหรับการซัพพอร์ตจิตใจในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
ตัวอย่างสัตว์เลี้ยง AI ของแอปพลิเคชัน Zoo Pals บน Apple App Store
“ผมไม่ได้หนีออกจากคริปโตมาสู่กระแสของ AI เพราะเพียงอยากจะให้ธุรกิจทำเงินเร็วๆ แต่สิ่งที่เรายึดถือคือการสร้างสิ่งที่ผู้คนต้องการต่างหาก” Chris กล่าวถึงการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนสายธุรกิจของเขา และมากไปกว่านั้น การเข้ามาเล่นในสังเวียนธุรกิจ AI ยังช่วยให้เขาตัดต้นทุนไปได้อีกมาก ซึ่งทำให้ Filta มีเงินสดเหลือเพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปแบบไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทุนอีกกว่า 2 ปีเลยทีเดียว
ประสบการณ์ของ Chris เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในวงการสตาร์ทอัพที่เกิดขึ้นตลอดเวลา โดยแต่ละครั้งมีทั้งโอกาสและความเสี่ยง ดังนั้นความสามารถในการปรับตัวให้ตอบโจทย์กับสภาพแวดล้อมและความต้องการในตลาดที่เปลี่ยนไป จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะให้สตาร์ทอัพเดินหน้าต่อได้
อ้างอิง: