พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม. เศรษฐกิจ) วันที่ 31 มกราคมนี้ จะนำมาตรการชิมช้อปใช้ เวอร์ชันอินเตอร์ กระตุ้นใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เสนอคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจเป็นมาตรการชดเชยค่าใช้จ่ายที่นักท่องเที่ยวต่างชาติ อาจเกิดความกังวลเมื่อเดินทางมาไทย เพราะเงินบาทแข็งค่าส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในเมืองไทยแพงขึ้นกว่า 10% โดยการแจกคูปองเงินสดสำหรับช้อปปิ้งทดแทนค่าเงินบาทที่แข็งค่า
สำหรับมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะใช้เงินจากงบประมาณกลางที่จะขอจาก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นวงเงินสำหรับกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ
ด้าน ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ แสดงความเห็นเกี่ยวกับโครงการ ‘ชิมช้อปใช้ อินเตอร์’ ว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวไทยขณะนี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาขยายตัวต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวตอนนี้ที่ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า (Visa on Arrival) ก็ยังไม่หมดอายุ ซึ่งจะหมดในเดือนสิงหาคม2563 ที่ใช้งบไปกว่า 12,000 ล้านบาทแล้ว
ส่วนที่ยังชะลอตัวคือค่าใช้จ่ายที่นักท่องเที่ยวใช้ ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว สิ่งที่ต้องกังวลคือส่วนแบ่งจากการเติบโตของภาคท่องเที่ยวได้ลงไปสู่รายได้ของแรงงานในภาคท่องเที่ยวเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ ผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยได้ประโยชน์มากขึ้นหรือไม่ ถ้าจะแจกเงินเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวอีก คำถามที่สำคัญคือ จะทราบได้อย่างไรว่าจะจูงใจให้คนที่ไม่ได้ตัดสินใจจะมาเที่ยวเมืองไทยเปลี่ยนใจมาเที่ยวเมืองไทย และเงินที่แจกเพิ่มจะทำให้เขาใช้จ่ายเพิ่มเติมไปจากที่วางแผนไว้แล้ว
แต่ถึงมาตรการนี้จะจูงใจนักท่องเที่ยวต่างชาติได้จริง คำถามคือรัฐบาลจะต้องใช้เงินอีกเท่าไร จะแจกหัวละเท่าไรถึงเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวได้จริง เงิน 1,000 บาทเท่าชิมช้อปใช้ในประเทศหรือไม่ หรือต้องมากกว่านั้น แล้วงบประมาณจากภาษีของประชาชนจำนวนมหาศาลนี้จะไปทำให้การท่องเที่ยวของเราเติบโตอย่างยั่งยืนได้อย่างไร ไม่ใช่เพียงแค่การใช้จ่ายแล้วหมดไป
“ดิฉันคิดว่ารัฐบาลน่าจะถอดบทเรียนจากชิมช้อปใช้ในโครงการที่ผ่านมาบ้างว่าผลลัพธ์กระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ไหน แม้กระทั่งวันนี้เป็นเทศกาลจับจ่ายของคนไทยเชื้อสายจีน แต่มีผลสำรวจออกมาว่าปริมาณการใช้จ่ายลดลงทุกปี นี่หรือผลจากการแก้ปัญหาด้วยการแจกเงินอีก ทั้งๆ ที่ผ่านมาก็ยังมีกรณีการคืนเงินล่าช้า เพราะงบประมาณหมด และเจอปัญหาการโกงการสวมสิทธิ์อยู่” ศิริกัญญากล่าว
ภาพ: กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า