ในจักรวาลของคริปโตเคอร์เรนซี เหรียญที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในเวลานี้คงหนีไม่พ้น LUNA โทเคนของระบบนิเวศ Terra ที่ถูกสร้างขึ้นโดย Terraform Labs ตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งมีผู้ร่วมก่อตั้ง 2 ราย คือ Do Kwon และ Daniel Shin
ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา LUNA เป็นหนึ่งในเหรียญที่ถูกคาดหวังในเชิงบวกไว้อย่างมาก สะท้อนจากราคาเหรียญที่พุ่งขึ้นไปแตะ 119 ดอลลาร์ ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนในคริปโตที่ไม่ดีนัก และในช่วงเวลาหนึ่ง มูลค่าของ LUNA ที่ถูก Stake ไว้บนบล็อกเชน Terra ก็พุ่งไปสูงถึง 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ แซงหน้าเหรียญอย่าง Ethereum ไปได้
ล่าสุด ความคาดหวังเชิงบวกเหล่านั้นเปลี่ยนเป็นแรงเทขายอย่างบ้าคลั่ง หลังจากที่นักลงทุนในตลาดทราบว่าเหรียญ Stablecoin ประจำบล็อกเชนของ Terra อย่าง UST ไม่สามารถคงมูลค่าของตัวเองไว้ได้ที่ 1 ดอลลาร์ โดยในวันนี้ (11 พฤษภาคม) มูลค่าของ UST ลดลงไปอยู่ที่ประมาณ 0.3 ดอลลาร์
ขณะที่ราคาของเหรียญ LUNA ซึ่งเคยปิดที่ 86.18 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ถูกเทขายออกมาอย่างต่อเนื่องจนเหลือเพียงประมาณ 3.5-4 ดอลลาร์ ภายใน 7 วัน คิดเป็นการลดลงของราคาถึงประมาณ 95%
Janet Yellen ยกเคส LUNA เหตุผลที่เราควรมีกฎหมายสำหรับ Stablecoin
Janet Yellen รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า การที่ TerraUSD (UST) ไม่สามารถตรึงมูลค่าของตัวเองไว้ได้ แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการออกกฎหมายสำหรับ Stablecoin ทั้งหลาย โดยมีเป้าหมายที่จะลดความผันผวนของราคาที่เกิดขึ้นในบรรดาเหรียญต่างๆ
“เหรียญ Stablecoin อย่าง TerraUSD เผชิญกับแรงเทขายและมูลค่าที่ลดลงต่อเนื่อง ซึ่งมันเป็นตัวอย่างทั่วไปของสินค้าที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีความเสี่ยงในด้านเสถียรภาพทางการเงิน ซึ่งเราจำเป็นจะต้องมีกรอบบางอย่างเพื่อดูแลให้เหมาะสม”
ทั้งนี้ Yellen มองว่า การเร่งผ่านกฎหมายสำหรับควบคุม Stablecoin ให้ได้ในปีนี้เป็นสิ่งที่เหมาะสมอย่างยิ่ง โดย Yellen มองว่า กฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่ได้ครอบคลุมความเสี่ยงของ Stablecoin อย่างเหมาะสมเท่าที่ควร โดยเฉพาะกับการที่ Stablecoin ถูกใช้เป็นรูปแบบใหม่ของการชำระเงิน
ทั้งนี้ Stablecoin เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของจักรวาลคริปโต โดยเทรดเดอร์ใช้ Stablecoin ต่างๆ ในการพักเงินพวกเขาเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ Stablecoin ยังถูกใช้ในการชำระราคาในแต่ละวัน ปัจจุบัน Stablecoin ขนาดใหญ่ในตลาด ได้แก่ Tether, USD Coin, Binance USD และ UST
ความเสี่ยงของ Stablecoin ที่อาจทำให้ไม่ Stable อย่างที่คิด
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เผยแพร่บทความที่ชื่อว่า The Crypto Ecosystem and Financial Stability Challenges ซึ่งส่วนหนึ่งของบทความดังกล่าว ได้พูดถึงความเสี่ยงของ Stablecoin ที่เป็นหนึ่งในความท้าทายที่สำคัญของระบบนิเวศของคริปโต
IMF ระบุว่า คริปโตเผชิญกับความท้าทายในด้านเสถียรภาพระบบการเงินไม่ต่างจากการเงินดั้งเดิม โดยในส่วนของ Stablecoin เผชิญกับความท้าทาย 2 ด้านสำคัญ ได้แก่
- Stablecoin จะสามารถ Stable อยู่ได้อย่างไร
- ความท้าทายจากเรื่องของกฎเกณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือทั่วโลก
โดยทั่วไปแล้ว Stablecoin จะผูกมูลค่าของตัวเองกับสินทรัพย์บางอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเงินดอลลาร์ หรืออาจจะเป็นการผูกมูลค่าไว้กับกลุ่มของสินทรัพย์อื่นๆ แต่ปัญหาหนึ่งของ Stablecoin ในปัจจุบันคือเรื่องของการเปิดเผยข้อมูล
แม้ว่าผู้พัฒนาทั้งหลายจะพยายามยกระดับข้อบกพร่องในด้านนี้ แต่ก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับการเปิดเผยข้อมูลให้เท่ากับมาตรฐานของธนาคารพาณิชย์และกองทุนการเงินต่างๆ
อย่างกรณีของ Tether เหรียญ Stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้เปิดเผยสินทรัพย์ต่างๆ ที่ถือครองเพื่อใช้อ้างอิง อย่างไรก็ตาม การเปิดเผยดังกล่าวก็ไม่ได้ถูกตรวจสอบโดยผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระ และข้อมูลหลายส่วนที่สำคัญก็ไม่ได้ถูกอธิบายไว้
นอกจากนี้ Stablecoin บางเหรียญก็มีโอกาสที่จะถูกไถ่ถอน (Run) อย่างรวดเร็วต่อๆ กัน จนทำให้เกิดความกังวลต่อมูลค่าของเหรียญว่าจะยังสามารถตรึงไว้ที่ 1:1 ได้หรือไม่ เนื่องจากมูลค่าของสินทรัพย์ที่ใช้หนุน หรือแม้แต่ความเร็วในการเปลี่ยนสินทรัพย์ที่สำรองไว้มาแลกเปลี่ยนให้ทันกับความต้องการ
หลังจากการไหลลงของราคาอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ตลาดกำลังจับตาดูอยู่ในขณะนี้คือ แผนจากทางผู้พัฒนาอย่าง Do Kwon ซึ่งได้ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่าจะเปิดเผย Recovery Plan ออกมาเร็วๆ นี้
อ้างอิง: